The unbounding Love 1.11.09
Even when you get your realisation you are sometimes in a growing stage up to a point. Like you're nourished by the Mother Earth all the time, but you're not aware of it. In the same way the womb of Sahaja Yoga nourishes you to grow into beautiful human beings. Still you have to come up to a point when it has to click in such a way that you start feeling the awareness of that unbounding love. In the small children it clicks very fast because they're so innocent and uncomplicated and in some people also I've seen it click very fast - as soon as they get their realisation. Feel the awareness of that unbounding love.
H.H.Shri Mataji Nirmala Devi, extract from Talk in English to the Sahaja Yogis. Maharashtra, India. 1984-0119
LABELS: CHILDREN, NATURE, SAHAJA YOGA
ความรักที่ไม่ผูกมัด
แม้แต่เมื่อคุณได้รับการตระหนักรู้แล้ว บางครั้งคุณก็ยังอยู่ในภาวะของการเติบโตไปสู่จุดหมาย
เช่นเดียวกับการที่คุณได้รับการทะนุบำรุงจากแม่ธรณีตลอดเวลาแต่คุณหารู้ตัวไม่
ในทำนองเดียวกัน ครรโภทรของสหจะโยคะ ทะนุบำรุงคุณให้เติบโตไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่งดงาม คุณยังต้องขึ้นไปยังจุดที่ต้องบรรลุ
ในแบบที่ว่าคุณเริ่มรู้สึกถึงสติรู้แห่งความรักที่เป็นอิสระไม่มีการผูกมัด
สำหรับเด็กๆ การเข้าถึงจุดนี้เป็นไปอย่างง่ายดายเพราะพวกเขาไร้เดียงสาอย่างมากและไม่ยุ่งยากซับซ้อน
และในบางคนก็เช่นกัน แม่เห็นว่าเขาเข้าสู่ความรักนี้อย่างรวดเร็ว – ในทันทีที่ได้รับการตระหนักรู้
รู้สึกถึงสติแห่งความรักที่ปราศจากการยึดติดนั้น
ท่านศรีมาตาจี นิรมลา เทวี, คัดจากคำบรรยายภาษาอังกฤษสำหรับสหจะโยคี ที่รัฐมหาราษฎร์ อินเดีย พ.ศ.2527
หัวข้อ เด็ก ธรรมชาติ สหจะโยคะ
If you’re deceiving yourself, then how can you become a guru"?
"Now your job is to give them Self-realization and change the people. That’s the real thing you have to do as gurus. But what are we doing? We come to Sahaja Yoga with what idea?
We are working only on the periphery. Firstly we are worried about ourselves, how we can prosper, how can we become better off. Also there is greed. We do not see ourselves if we are aggressive, if we are trying to trouble others, if we have wrong ideas about ourself, how we torture others.
So first of all you have to cleanse yourself and accept your own problems, your own misgivings – these are to be faced. And challenge yourself: what are you doing? You are a Sahaja yogi, how can you hate someone, how can you trouble someone, how can you torture someone?
This is the beginning of introspection, it’s very important. I can make out a person who meditates in the real sense of the word, and the one who just meditates. You should not deceive yourself. If you’re deceiving yourself, then how can you become a guru"?
(H.H.Shri Mataji, Guru Puja, Cabella-08.07. 2001).
Nirmal Vidya Monday, October 26, 2009
ถ้าคุณกำลังหลอกลวงตัวเอง แล้วคุณจะเป็นคุรุได้อย่างไร
"ตอนนี้งานของคุณคือให้การตระหนักรู้แก่พวกเขาและเปลี่ยนแปลงผู้คน นั่นคือสิ่งที่แท้จริงที่คุณต้องทำในฐานะของคุรุ แต่เรากำลังทำอะไร เรามายังสหจะโยคะด้วยแนวคิดอะไร?
เรากำลังทำงานอยู่แค่แถวๆ รอบวงล้อ อย่างแรกเรากังวลเกี่ยวกับตัวเราเอง ทำอย่างไรเราจะรุ่งเรือง ทำอย่างไรเราจะร่ำรวย มีความโลภอยู่ด้วย เราไม่ได้ดูว่าตัวเราก้าวร้าวหรือเปล่า เรากำลังพยายามทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรือเปล่า เรามีความคิดผิดๆ เกี่ยวกับตัวเองหรือเปล่า เราทรมานคนอื่นอย่างไร
ดังนั้น ก่อนอื่นคุณต้องทำตนให้บริสุทธิ์ และยอมรับปัญหาต่างๆ ของตัวคุณ ความแคลงใจของตัวคุณเอง – เผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้และท้าทายตนเอง คุณกำลังทำอะไรอยู่ คุณคือสหจะโยคี คุณจะเกลียดคนบางคนได้อย่างไร คุณจะทำให้คนบางคนเดือดร้อนได้อย่างไร คุณจะทำร้ายจิตใจคนบางคนได้อย่างไร
นี่คือจุดตั้งต้นของการพิจารณาตนเอง เป็นสิ่งที่สำคัญมาก แม่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าใครคือคนที่นั่งสมาธิในความหมายที่แท้จริงของคำว่าสมาธิ กับคนที่นั่งไปอย่างนั้นเอง คุณไม่ควรหลอกลวงตัวเอง ถ้าคุณหลอกลวงตัวเองแล้วคุณจะเป็นคุรุได้อย่างไร"?
(ศรีมาตาจี นิรมลา เทวี, คุรุบูชา ที่คาเบลลา 8 กรกฎาคม2544)
นิรมลาวิทยา วันจันทร์ที่26ตุลาคม2552
"Now your job is to give them Self-realization and change the people. That’s the real thing you have to do as gurus. But what are we doing? We come to Sahaja Yoga with what idea?
We are working only on the periphery. Firstly we are worried about ourselves, how we can prosper, how can we become better off. Also there is greed. We do not see ourselves if we are aggressive, if we are trying to trouble others, if we have wrong ideas about ourself, how we torture others.
So first of all you have to cleanse yourself and accept your own problems, your own misgivings – these are to be faced. And challenge yourself: what are you doing? You are a Sahaja yogi, how can you hate someone, how can you trouble someone, how can you torture someone?
This is the beginning of introspection, it’s very important. I can make out a person who meditates in the real sense of the word, and the one who just meditates. You should not deceive yourself. If you’re deceiving yourself, then how can you become a guru"?
(H.H.Shri Mataji, Guru Puja, Cabella-08.07. 2001).
Nirmal Vidya Monday, October 26, 2009
ถ้าคุณกำลังหลอกลวงตัวเอง แล้วคุณจะเป็นคุรุได้อย่างไร
"ตอนนี้งานของคุณคือให้การตระหนักรู้แก่พวกเขาและเปลี่ยนแปลงผู้คน นั่นคือสิ่งที่แท้จริงที่คุณต้องทำในฐานะของคุรุ แต่เรากำลังทำอะไร เรามายังสหจะโยคะด้วยแนวคิดอะไร?
เรากำลังทำงานอยู่แค่แถวๆ รอบวงล้อ อย่างแรกเรากังวลเกี่ยวกับตัวเราเอง ทำอย่างไรเราจะรุ่งเรือง ทำอย่างไรเราจะร่ำรวย มีความโลภอยู่ด้วย เราไม่ได้ดูว่าตัวเราก้าวร้าวหรือเปล่า เรากำลังพยายามทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรือเปล่า เรามีความคิดผิดๆ เกี่ยวกับตัวเองหรือเปล่า เราทรมานคนอื่นอย่างไร
ดังนั้น ก่อนอื่นคุณต้องทำตนให้บริสุทธิ์ และยอมรับปัญหาต่างๆ ของตัวคุณ ความแคลงใจของตัวคุณเอง – เผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้และท้าทายตนเอง คุณกำลังทำอะไรอยู่ คุณคือสหจะโยคี คุณจะเกลียดคนบางคนได้อย่างไร คุณจะทำให้คนบางคนเดือดร้อนได้อย่างไร คุณจะทำร้ายจิตใจคนบางคนได้อย่างไร
นี่คือจุดตั้งต้นของการพิจารณาตนเอง เป็นสิ่งที่สำคัญมาก แม่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าใครคือคนที่นั่งสมาธิในความหมายที่แท้จริงของคำว่าสมาธิ กับคนที่นั่งไปอย่างนั้นเอง คุณไม่ควรหลอกลวงตัวเอง ถ้าคุณหลอกลวงตัวเองแล้วคุณจะเป็นคุรุได้อย่างไร"?
(ศรีมาตาจี นิรมลา เทวี, คุรุบูชา ที่คาเบลลา 8 กรกฎาคม2544)
นิรมลาวิทยา วันจันทร์ที่26ตุลาคม2552
What you have to do as soon as you know about somebody, then you have to think what goodness he has got, how can I imbibe that goodness within myself?
1991 - April 10, Advanced Program, Melbourne Australia
สิ่งที่คุณต้องทำทันทีที่รู้เรื่องเกี่ยวกับใครบางคน คุณต้องคิดถึงความดีงามที่เขาได้กระทำมาแล้ว ทำอย่างไรฉันจึงจะสามารถนำเอาความดีนั้นเข้ามาภายในตนเองได้
๑๐ เมษายน ๒๕๓๔ โปรแกรมที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย
1991 - April 10, Advanced Program, Melbourne Australia
สิ่งที่คุณต้องทำทันทีที่รู้เรื่องเกี่ยวกับใครบางคน คุณต้องคิดถึงความดีงามที่เขาได้กระทำมาแล้ว ทำอย่างไรฉันจึงจะสามารถนำเอาความดีนั้นเข้ามาภายในตนเองได้
๑๐ เมษายน ๒๕๓๔ โปรแกรมที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย
You are integrated
By integration, you get the power to do what you understand and you have the power to feel happy with what you understand. It is complete. It hasn't got a happiness and a sorrow aspect, but is just joy.
The joy is not that you laugh loud. The joy is not that you are always smiling. It is the stillness, the quietude within yourself, the peace of your being, of your spirit that asserts itself into vibrations which you feel.
When you feel that peace, you feel like the light of the sun, the whole rays of that beauty spreading.
But first of all, we are curbed down by our own personal, selfish, stupid ideas. Throw them away.
We have them because we are insecure, because we have wrong ideas. Throw them away. Just stand alone, one with God and you will find all these fears were useless. Our cleansing is very important and that cleansing comes only when you really practise the cleansing as told in Sahaja Yoga.
The Sahasrara is the blessing of the heavens.
http://www.divinecoolbreeze.org/
คุณได้รับการรวมเป็นหนึ่ง
ด้วยการผสมผสานอย่างกลมกลืน คุณจะได้รับพลังที่จะทำสิ่งที่คุณเข้าใจและคุณมีพลังที่จะปีติกับสิ่งที่คุณเข้าใจ ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีด้านที่สุขหรือเศร้า มีแต่ความปีติเท่านั้น
ความสุขไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณหัวเราะเสียงดัง ความสุขไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณยิ้มเสมอ ความสุขคือความคงที่ ความสงบนิ่งภายในตัวตนของคุณ ความสงบของร่างกาย ของจิตวิญญาณที่แสดงตัวว่ามีอยู่แน่นอนในพลังไวเบรชั่นซึ่งคุณรู้สึก เมื่อคุณรู้สึกถึงความสงบนั้น คุณรู้สึกเหมือนแสงของดวงอาทิตย์ รังสีโดยรวมที่แผ่กระจายอย่างสวยงาม
แต่ก่อนอื่นใดทั้งหมด เราถูกเหนี่ยวรั้งลงโดยส่วนตัวของเราเอง ความเห็นแก่ตัว ความคิดที่โง่เขลา จงโยนทิ้งไปเสีย เรามีสิ่งเหล่านี้เพราะเราไม่มั่นคง เพราะเรามีแนวคิดผิดๆ โยนทิ้งไป จงยืนหยัด เป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์และคุณจะพบว่าความกลัวเหล่านี้ทั้งหมดไม่มีประโยชน์ การทำความสะอาดระบบกายละเอียดของเราสำคัญมากและจะทำได้เมื่อคุณปฏิบัติอย่างแท้จริงตามหลักของสหจะโยคะเท่านั้น
สหัสราระคือพรของสวรรค์
By integration, you get the power to do what you understand and you have the power to feel happy with what you understand. It is complete. It hasn't got a happiness and a sorrow aspect, but is just joy.
The joy is not that you laugh loud. The joy is not that you are always smiling. It is the stillness, the quietude within yourself, the peace of your being, of your spirit that asserts itself into vibrations which you feel.
When you feel that peace, you feel like the light of the sun, the whole rays of that beauty spreading.
But first of all, we are curbed down by our own personal, selfish, stupid ideas. Throw them away.
We have them because we are insecure, because we have wrong ideas. Throw them away. Just stand alone, one with God and you will find all these fears were useless. Our cleansing is very important and that cleansing comes only when you really practise the cleansing as told in Sahaja Yoga.
The Sahasrara is the blessing of the heavens.
http://www.divinecoolbreeze.org/
คุณได้รับการรวมเป็นหนึ่ง
ด้วยการผสมผสานอย่างกลมกลืน คุณจะได้รับพลังที่จะทำสิ่งที่คุณเข้าใจและคุณมีพลังที่จะปีติกับสิ่งที่คุณเข้าใจ ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีด้านที่สุขหรือเศร้า มีแต่ความปีติเท่านั้น
ความสุขไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณหัวเราะเสียงดัง ความสุขไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณยิ้มเสมอ ความสุขคือความคงที่ ความสงบนิ่งภายในตัวตนของคุณ ความสงบของร่างกาย ของจิตวิญญาณที่แสดงตัวว่ามีอยู่แน่นอนในพลังไวเบรชั่นซึ่งคุณรู้สึก เมื่อคุณรู้สึกถึงความสงบนั้น คุณรู้สึกเหมือนแสงของดวงอาทิตย์ รังสีโดยรวมที่แผ่กระจายอย่างสวยงาม
แต่ก่อนอื่นใดทั้งหมด เราถูกเหนี่ยวรั้งลงโดยส่วนตัวของเราเอง ความเห็นแก่ตัว ความคิดที่โง่เขลา จงโยนทิ้งไปเสีย เรามีสิ่งเหล่านี้เพราะเราไม่มั่นคง เพราะเรามีแนวคิดผิดๆ โยนทิ้งไป จงยืนหยัด เป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์และคุณจะพบว่าความกลัวเหล่านี้ทั้งหมดไม่มีประโยชน์ การทำความสะอาดระบบกายละเอียดของเราสำคัญมากและจะทำได้เมื่อคุณปฏิบัติอย่างแท้จริงตามหลักของสหจะโยคะเท่านั้น
สหัสราระคือพรของสวรรค์
World as One
Once you start growing in your self-realization, you develop such a personality that you see the whole world as one.
1984 – Sept. 5, Radio Interview Vienna, Austria
โลกที่รวมเป็นหนึ่ง
เมื่อใดที่คุณเริ่มเติบโตในการตระหนักรู้ของตน คุณจะพัฒนาบุคลิกภาพที่ว่าคุณเห็นโลกโดยรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
๕ กันยายน ๒๕๒๗ การสัมภาษณ์ทางวิทยุที่ เวียนนา ออสเตรีย
Witnessing
So to overcome the problems of personality the best thing is to witness, practice witnessing everything: before talking, practice witnessing, before giving any comments, just start witnessing. It’s a very, very satisfying attitude.
1998- Aug. 16, Advanced Program, Cabella, Italy
การเป็นเพียงผู้เห็นเหตุการณ์
ดังนั้น การที่จะเอาชนะปัญหาของบุคลิกภาพ สิ่งที่ดีที่สุดคือการเป็นเพียงผู้เห็นเหตุการณ์ ให้ฝึกการเป็นเพียงผู้ดูละครต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ก่อนที่จะพูด ฝึกให้ตัวเราเป็นเพียงผู้ที่ผ่านมาเห็น ก่อนที่จะออกความเห็น ให้เริ่มมองอย่างผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะเป็นทรรศนคติที่นำความสุขมาให้อย่างมาก
๑๖ สิงหาคม ๒๕๔๑ โปรแกรมที่คาเบลลา อิตาลี
Wisdom means that it gives you detachment, detachment from all that is selfishness, self-centredness, self-obsession, ego – all connected with self.
Nov. 10, 1991, Advanced Program, Cabella, Italy
ปัญญาหมายถึงว่าคุณฉลาดในการปล่อยวาง ปล่อยวางทุกอย่างที่เป็นความเห็นแก่ตัว เห็นตัวเองสำคัญ คิดถึงแต่ตัวเอง อัตตา –ทุกอย่างที่เกาะเกี่ยวกับตัวเอง
๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๓๔ โปรแกรมที่คาเบลลา อิตาลี
Nov. 10, 1991, Advanced Program, Cabella, Italy
ปัญญาหมายถึงว่าคุณฉลาดในการปล่อยวาง ปล่อยวางทุกอย่างที่เป็นความเห็นแก่ตัว เห็นตัวเองสำคัญ คิดถึงแต่ตัวเอง อัตตา –ทุกอย่างที่เกาะเกี่ยวกับตัวเอง
๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๓๔ โปรแกรมที่คาเบลลา อิตาลี
Wisdom doesn’t mean that you know how to argue things or you fight with people. No, it doesn’t mean that. Wisdom means how you take to the good side of everything to enjoy it. This is wisdom and that you avoid all destructive things and take to something constructive.
1992 – Sept. 13, Advanced Program, Abbotsford, Canada
ความรอบรู้ไม่ได้หมายความว่าคุณรู้ที่จะโต้เถียงหรือต่อสู้กับผู้คน ไม่ใช่ ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ความรอบรู้หมายถึงการที่คุณเข้าถึงด้านดีของทุกสิ่งเพื่อที่จะมีความสุข นี่คือปัญญา และการที่คุณหลีกเลี่ยงทุกอย่างที่เป็นความเสื่อม และหันไปสู่สิ่งที่สร้างสรรค์
๑๓ กันยายน ๒๕๓๕ โปรแกรมที่ แอบบอทสฟอร์ด ประเทศแคนาดา
1992 – Sept. 13, Advanced Program, Abbotsford, Canada
ความรอบรู้ไม่ได้หมายความว่าคุณรู้ที่จะโต้เถียงหรือต่อสู้กับผู้คน ไม่ใช่ ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ความรอบรู้หมายถึงการที่คุณเข้าถึงด้านดีของทุกสิ่งเพื่อที่จะมีความสุข นี่คือปัญญา และการที่คุณหลีกเลี่ยงทุกอย่างที่เป็นความเสื่อม และหันไปสู่สิ่งที่สร้างสรรค์
๑๓ กันยายน ๒๕๓๕ โปรแกรมที่ แอบบอทสฟอร์ด ประเทศแคนาดา
Understanding of Love
You can do marvels and miracles if you have developed the understanding of love.
April 21, 2002 – Advanced Program, Instanbul, Turkey
เข้าใจความรัก
คุณสามารถที่จะทำสิ่งที่น่าพิศวงและมหัศจรรย์ใดๆ ก็ได้ ถ้าคุณพัฒนาความเข้าใจของความรักขึ้นมาได้แล้ว
๒๑ เมษายน ๒๕๔๕ โปรแกรมที่อิสตันบูล ตุรกี
Truth Not Ego
Before knowing the truth, if you depend on your intelligence, you can be misled completely. Intelligence that is without the spiritual insight is your own ego. After Realization, the truth that comes to you is the real, pure truth and is not your ego.
1984 – July 10, Public Program, Cheswick England
สัจธรรมไม่ใช่อัตตา
ก่อนที่จะรู้จักสัจธรรม ถ้าคุณอาศัยความชาญฉลาดของคุณ คุณก็จะถูกนำไปผิดทางอย่างสิ้นเชิง ความฉลาดที่ปราศจากจิตวิญญาณอยู่ภายในคืออัตตาของคุณเอง หลังจากได้รับการตระหนักรู้ สัจธรรมที่มาถึงคุณคือความจริงแท้ สัจธรรมที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่อัตตาของคุณ
๑๐ กรกฎาคม ๒๕๒๗ โปรแกรมสาธารณะที่ เชสวิค อังกฤษ
Before knowing the truth, if you depend on your intelligence, you can be misled completely. Intelligence that is without the spiritual insight is your own ego. After Realization, the truth that comes to you is the real, pure truth and is not your ego.
1984 – July 10, Public Program, Cheswick England
สัจธรรมไม่ใช่อัตตา
ก่อนที่จะรู้จักสัจธรรม ถ้าคุณอาศัยความชาญฉลาดของคุณ คุณก็จะถูกนำไปผิดทางอย่างสิ้นเชิง ความฉลาดที่ปราศจากจิตวิญญาณอยู่ภายในคืออัตตาของคุณเอง หลังจากได้รับการตระหนักรู้ สัจธรรมที่มาถึงคุณคือความจริงแท้ สัจธรรมที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่อัตตาของคุณ
๑๐ กรกฎาคม ๒๕๒๗ โปรแกรมสาธารณะที่ เชสวิค อังกฤษ
The truth is, first one, that you are not this body, this mind, these conditionings or ego but you are pure spirit. And the second truth is that there is a all-pervading power of divine love which works out all the living work.
July 24, 1992 – Public Talk, Paris Gaveau France
สัจธรรมคือ ประการแรก คุณไม่ใช่ร่างกายนี้ ความคิดนี้ เงื่อนไขหรืออัตตาเหล่านี้ แต่คุณคือจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ และประการที่สอง สัจธรรมคือ มีพลังแห่งความรักของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ไพศาลอยู่ทั่วทุกหนแห่งเป็นผู้ทำงานที่มีชีวิตทั้งหมด
๒๔ กรกฎาคม ๒๕๓๕ โปรแกรมที่ปารีส ฝรั่งเศส
July 24, 1992 – Public Talk, Paris Gaveau France
สัจธรรมคือ ประการแรก คุณไม่ใช่ร่างกายนี้ ความคิดนี้ เงื่อนไขหรืออัตตาเหล่านี้ แต่คุณคือจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ และประการที่สอง สัจธรรมคือ มีพลังแห่งความรักของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ไพศาลอยู่ทั่วทุกหนแห่งเป็นผู้ทำงานที่มีชีวิตทั้งหมด
๒๔ กรกฎาคม ๒๕๓๕ โปรแกรมที่ปารีส ฝรั่งเศส
Spirit is the source of peace. It is the source of joy. It is not a duality of happiness and unhappiness, but singular joy.
1990 – October 16, Public Program Bucharest, Romania
จิตวิญญาณเป็นบ่อเกิดของความสงบ เป็นบ่อเกิดของความสุข จิตวิญญาณไม่ใช่ของคู่เช่นความสุขกับความทุกข์ แต่เป็นความสุขเพียงประการเดียว
๑๖ ตุลาคม ๒๕๓๓ โปรแกรมสาธารณะที่บูคาเรสท์ โรมาเนีย
1990 – October 16, Public Program Bucharest, Romania
จิตวิญญาณเป็นบ่อเกิดของความสงบ เป็นบ่อเกิดของความสุข จิตวิญญาณไม่ใช่ของคู่เช่นความสุขกับความทุกข์ แต่เป็นความสุขเพียงประการเดียว
๑๖ ตุลาคม ๒๕๓๓ โปรแกรมสาธารณะที่บูคาเรสท์ โรมาเนีย
Seekers of truth
I bow to all the seekers of truth. At the very outset we have to know that truth is what it is. We cannot think about it, we cannot conceptualize it. Unfortunately at this human level we cannot feel it, we cannot know it. We have to be the spirit to know the truth.
1992 – July 24 – Public Talk, Paris Gaveau, France
ผู้แสวงหาสัจธรรม
แม่ขอแสดงความนับถือผู้แสวงหาสัจธรรมทุกคน ก่อนอื่นใดทั้งหมดเราต้องรู้ว่าสัจธรรมคือสิ่งที่เป็นอยู่จริง เราไม่สามารถใช้ความคิดเกี่ยวกับสัจธรรม ไม่สามารถสร้างมโนคติให้สัจธรรม ในระดับของมนุษย์เราไม่สามารถรู้สึก ไม่สามารถรู้จักสัจธรรม เราต้องเข้าสู่ภาวะของจิตวิญญาณจึงจะรู้สัจธรรม
๒๔ กรกฎาคม ๒๕๓๕ โปรแกรมที่ปารีส ฝรั่งเศส
I bow to all the seekers of truth. At the very outset we have to know that truth is what it is. We cannot think about it, we cannot conceptualize it. Unfortunately at this human level we cannot feel it, we cannot know it. We have to be the spirit to know the truth.
1992 – July 24 – Public Talk, Paris Gaveau, France
ผู้แสวงหาสัจธรรม
แม่ขอแสดงความนับถือผู้แสวงหาสัจธรรมทุกคน ก่อนอื่นใดทั้งหมดเราต้องรู้ว่าสัจธรรมคือสิ่งที่เป็นอยู่จริง เราไม่สามารถใช้ความคิดเกี่ยวกับสัจธรรม ไม่สามารถสร้างมโนคติให้สัจธรรม ในระดับของมนุษย์เราไม่สามารถรู้สึก ไม่สามารถรู้จักสัจธรรม เราต้องเข้าสู่ภาวะของจิตวิญญาณจึงจะรู้สัจธรรม
๒๔ กรกฎาคม ๒๕๓๕ โปรแกรมที่ปารีส ฝรั่งเศส
Peace Within
May 28th 2008EditorPress Interview
When we are not realized, we are moving on the periphery, like a wheel and we are disturbed. But a realized soul is on the axis, which is silent. So he has the peace within himself.
1990 – October 17, Press Interview Bucharest, Romania
ความสงบภายใน
เมื่อเรายังไม่ได้รับการตระหนักรู้ เราหมุนไปตามเส้นรอบวงเหมือนล้อรถและเรารู้สึกถูกรบกวนจนวุ่นวาย
แต่วิญญาณที่ตระหนักรู้ประจำอยู่บนเพลาซึ่งอยู่นิ่งๆ ดังนั้นเขามีความสงบภายในตนเอง
๑๗ ตุลาคม ๒๕๓๓ การให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนที่บูคาเรสท์ โรมาเนีย
Nature of Spirit
The spirit is the only thing that is free within, w
hich has no hang-ups, which has no habits, which does not stick on to anything,
is completely detached and emitting joy to us.
1982 – July 11, Public Program Derby, UK
ธรรมชาติของจิตวิญญาณ
จิตวิญญาณเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เป็นอิสระภายใน
ซึ่งไม่มีสิ่งกีดขวาง ไม่มีความเคยชิน ไม่ติดหนึบกับสิ่งใดๆ
แต่ปล่อยวางอย่างสิ้นเชิง
และกระจายความสุขออกมาให้เรา
๑๑ กรกฎาคม ๒๕๒๕ โปรแกรมสาธารณะที่เมืองดาร์บี้ ประเทศอังกฤษ
The spirit is the only thing that is free within, w
hich has no hang-ups, which has no habits, which does not stick on to anything,
is completely detached and emitting joy to us.
1982 – July 11, Public Program Derby, UK
ธรรมชาติของจิตวิญญาณ
จิตวิญญาณเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เป็นอิสระภายใน
ซึ่งไม่มีสิ่งกีดขวาง ไม่มีความเคยชิน ไม่ติดหนึบกับสิ่งใดๆ
แต่ปล่อยวางอย่างสิ้นเชิง
และกระจายความสุขออกมาให้เรา
๑๑ กรกฎาคม ๒๕๒๕ โปรแกรมสาธารณะที่เมืองดาร์บี้ ประเทศอังกฤษ
Loving Heart
Jun 9th 2008EditorAdvanced Program
What do we have to achieve? Not your position, not your
wealth, not all these outward things, but you have to
achieve a loving heart.
2001 – Feb 25, Advanced Program Pune, India
หัวใจที่เปี่ยมรัก
เราต้องบรรลุอะไร ไม่ใช่ตำแหน่ง ไม่ใช่ทรัพย์สิน ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ภายนอกทั้งหมดเหล่านี้ แต่คุณต้องบรรลุการมีหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความรัก
๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ โปรแกรมที่ปูเณ อินเดีย
Jun 9th 2008EditorAdvanced Program
What do we have to achieve? Not your position, not your
wealth, not all these outward things, but you have to
achieve a loving heart.
2001 – Feb 25, Advanced Program Pune, India
หัวใจที่เปี่ยมรัก
เราต้องบรรลุอะไร ไม่ใช่ตำแหน่ง ไม่ใช่ทรัพย์สิน ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ภายนอกทั้งหมดเหล่านี้ แต่คุณต้องบรรลุการมีหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความรัก
๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ โปรแกรมที่ปูเณ อินเดีย
Love is Your Life
Sep 2nd 2008EditorAdvanced Program
It is important to learn that love is your life, love is spirituality.
Feb. 25, 2001, Advanced Program, Pune India
ความรักคือชีวิตของคุณ
เป็นสิ่งสำคัญที่จะเรียนรู้ว่าความรักคือชีวิตของคุณ ความรักคือความเป็นจิตวิญญาณ
๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ โปรแกรมที่ปูเณ อินเดีย
Enlightened temple
May 5th 2008EditorPublic Program
The body of a human being is a temple of God. But this temple has to be enlightened and has to be auspicious. You have to clear and clean your being completely so it’s a beautiful temple for God to reside.
1980 – Sept. 27 – Public Talk London, England
วิหารแห่งการรู้แจ้ง
ร่างกายของมนุษย์คือวิหารของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่วิหารดังกล่าวต้องได้รับการรู้แจ้ง และต้องเป็นสิริมงคล คุณต้องขจัดอุปสรรคและทำความสะอาดตัวตนอย่างสมบูรณ์จึงจะเป็นวิหารอันสวยงามสำหรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะเข้าอยู่ได้
๒๗ กันยายน ๒๕๒๓ โปรแกรมสาธารณะที่ลอนดอน อังกฤษ
Attention
May 2nd 2008 EditorPublic Program
Now the best thing is to put attention to your spirit. If you start putting your attention to spirit, the sweetness of the spirit itself will make the whole thing very sweet and beautiful.
1980 – Sept. 27 – Public Talk London, England
สติ
ตอนนี้สิ่งที่ดีที่สุดคือตั้งสติของคุณไว้ที่จิตวิญญาณ ถ้าคุณเริ่มตั้งสติที่จิตวิญญาณ ความอ่อนหวานในตนเองของจิตวิญญาณจะทำให้ทุกสิ่งโดยรวมมีความอ่อนหวานและสวยงาม
๒๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๒๓ โปรแกรมสาธารณะที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
Sunset
Question from yogi: Can you tell us a bit about sunset; are we not to look at the sunset? Shri Mataji Nirmala Devi:Sunset is not very good, sunset is not good. That’s the time the sun is taking away all the energies from this earth. So it’s not such a good time to see. It depends on, for example, ego-oriented people if they see sun would be better off. Little bit of their ego might go down. But people who have got a left-side problem should see the sun rise, will be good. It’s only the other way round. You see now? Good question. (1980-0424)
Labels: Nature 5.9.09
ดวงอาทิตย์ตก
คำถามจากโยคี : คุณแม่ กรุณาบอกพวกเราเรื่องดวงอาทิตย์ตก เราไม่ควรเฝ้าดูดวงอาทิตย์ตกดินใช่หรือไม่
ศรีมาตาจี นิรมลา เทวี
ตอนที่ดวงอาทิตย์ตกไม่ค่อยดีนัก เป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์เอาพลังงานทั้งหมดออกไปจากโลก ดังนั้น ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะไปเฝ้าดู ขึ้นอยู่กับว่า ตัวอย่างเช่น คนที่เป็นพวกอัตตาธิปไตย ถ้าพวกเขามองดูพระอาทิตย์ตกก็จะดีขึ้น อีโก้ของพวกเขาอาจจะลดลงได้สักนิดหน่อย แต่คนที่มีปัญหาฝั่งซ้ายควรดูพระอาทิตย์ขึ้นจึงจะดี แล้วแต่ว่าจะเป็นอย่างไหน คราวนี้เข้าใจแล้วใช่ไหม เป็นคำถามที่ดี
(1980-0424) หัวข้อ: ธรรมชาติ
Mantra to Shri Ganesha
Say you have to meditate on Mooladhara, now you pay attention towards Mooladhara and take the name of Shri Ganesh. Say the mantra. You know there are four petals; so that mantra every time should be said four times. Four into four you can say. Pay attention there.H.H.Shri Mataji Nirmala Devi, London, 1980 (1980-0424)
Labels: Ganesha, Mantras 8.8.09
บทสวดสำหรับศรีคเณศ
ถ้าหากคุณจะตั้งจิตให้เป็นสมาธิที่จักรมูลาธาระ ตอนนี้คุณตั้งสติไปที่มูลาธาระและใช้นามของศรีคเณศ สวดมนตร์ คุณรู้ว่าจักรนี้มีสี่กลีบ ดังนั้น ทุกครั้งที่สวดมนตร์นี้ควรสวดสี่จบ กล่าวได้ว่าครบทั้งสี่กลีบ ตั้งสติที่นั่นศรีมาตาจี นิรมลา เทวี ลอนดอน1980 (1980-0424)
หัวข้อ:ศรีคเณศ มันตรา

การเริ่มต้นสหจะโยคะในรัสเซีย
ในปีพ.ศ.๒๕๒๘ (1985) ชาวรัสเซียผู้หนึ่งได้รับการตระหนักรู้ที่สวิตเซอร์แลนด์ พ.ศ.๒๕๓๒ (1989) ศรีมาตาจีดำเนินการจัดโปรแกรมสาธารณะครั้งแรก ซึ่งหลังจากนั้นการนั่งสมาธิกลุ่มครั้งแรกได้เริ่มขึ้นที่ เซนท์-ปีเตอร์สเบิร์ก (เลนินกราด) มอสโคว์ และโตกลิอาตติ
สหจะโยคะได้รับการพิจารณาอย่างเป็นทางการให้เริ่มเผยแผ่ในเซนท์-ปีเตอร์สเบิร์ก ตั้งแต่ฤดูร้อนของปี ๒๕๓๒ เมื่อศรีมาตาจีได้เดินทางมายังเมืองนี้และจัดโปรแกรมสาธารณะเป็นครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้ในปี ๒๕๓๐ มีสหจะโยคีกลุ่มแรกที่รวมตัวกันประมาณ ๑๐ คนได้นั่งสมาธิด้วยกันในอพาร์ทเมนท์ของพวกเขา
ศรีมาตาจีได้เดินทางมาที่ เซนท์-ปีเตอร์สเบิร์ก ๕ ครั้ง – ครั้งแรกในปี๒๕๓๒ และต่อมาในปี ๒๕๓๓, ๒๕๓๔, ๒๕๓๗ และ ๒๕๓๙ การพบกัน ครั้งแรกของศรีมาตาจีกับประชาชนของเซนท์-ปีเตอร์สเบิร์กจัดขึ้นที่ พาเลซออฟเดอะยูธ ในปี๒๕๓๒ ห้องประชุมเนืองแน่นไปด้วยผู้คน คุณแม่บอกผู้ฟังเกี่ยวกับระบบกายละเอียดและความเกี่ยวข้องกันกับร่างกาย ผู้ต้องการตั้งคำถามสามารถถามได้ ประชาชนราวหนึ่งพันคนได้รับการตระหนักรู้ในตนเอง ตั้งแต่นั้นมาจำนวนคนที่ฝึกสหจะโยคะได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โปรแกรมการสอนทำขึ้นในโรงเรียน ศูนย์วัฒนธรรม และสถาบันการแพทย์:
ยี่สิบปีสหจะโยคะในรัสเซีย
ภาพ:ศรีมาตาจีในรัสเซีย 1989
หัวข้อ: ยุโรป ประวัติสหจะโยคะ
Q. Could you tell us about angels, Shri Mataji?Shri Mataji: They are very beautiful, just like flowers, very fragrant. And they will help you, you’ll be amazed how they’ll help you. You won’t see them, you don’t see them. But they are there, in the form of some human being, in so many ways. So, you cannot describe them because you can’t see them. But you’ll see their help, and you’ll be amazed how they guide you to the right path. Now, supposing you lose your way somewhere, don’t get frustrated, don’t get upset about it. If you have lost your way it must be some purpose. On that way when you go you’ll find somebody whom you have been looking for ages, or maybe some sort of a thing you’ll find, some treasure you’ll find. So, if you have lost your way, there’s nothing to worry. They work very smoothly and sweetly.(Holland Park School Public Program, London, 27/9/2000)
คำถาม: คุณแม่ กรุณาเล่าเรื่องนางฟ้าให้พวกเราฟังศรีมาตาจี: พวกท่านสวยงามเหมือนกับดอกไม้ กลิ่นหอมมาก และพวกท่านจะช่วยเหลือคุณ คุณจะต้องทึ่งว่าท่านช่วยขนาดไหน คุณจะไม่เห็นพวกท่าน คุณไม่เห็นตัวพวกท่าน แต่ท่านอยู่ที่นั่น ในรูปลักษณ์ของมนุษย์ ในหลายๆ แบบ ดังนั้น คุณไม่สามารถอธิบายพวกท่าน เพราะคุณไม่สามารถเห็นตัวท่าน แต่คุณจะเห็นการช่วยเหลือของท่าน และคุณจะทึ่งในวิธีที่ท่านนำคุณไปในทางที่ถูกต้อง ตอนนี้ สมมุติว่าคุณหลงทางในที่บางแห่ง ไม่ต้องท้อแท้ ไม่ต้องกลุ้มใจไป ถ้าคุณหลงทาง แสดงว่าต้องมีความมุ่งหมายบางอย่าง บนเส้นทางนั้น เมื่อคุณไป คุณอาจจะพบใครบางคนที่คุณอยากเจอมาตั้งนานแล้ว หรืออาจจะพบของบางอย่าง พบของมีค่าบางชิ้น ดังนั้น ถ้าคุณหลงทาง ไม่มีอะไรต้องวิตกกังวล ความเป็นไปทั้งหลายจะราบรื่นและอ่อนหวาน
(โปรแกรมสาธารณะที่ฮอลแลนด์พาร์คสกูล ลอนดอน
๒๗ กันยายน ๒๕๔๓)
Divine Cool Breeze
In 1987 Shri Mataji renamed a newsletter that had been known until then as The Wind. She called it The Divine Cool Breeze. She said that the newsletter, along with its new name, should reflect the importance and dignity of Sahaja Yoga.Visit the Divine Cool Breeze Magazine
ดิไวน์คูลบรีซ
ในปี 1987 (พ.ศ.๒๕๓๐) ศรีมาตาจีตั้งชื่อให้แก่จดหมายข่าวที่รู้จักกันจนถึงขณะนั้นในชื่อว่าเดอะวินด์ เสียใหม่ โดยท่านเรียกว่า เดอะ ดิไวน์ คูล บรีซ ท่านกล่าวว่า จดหมายข่าวที่ใช้ชื่อใหม่นี้ ควรสะท้อนถึงความสำคัญและความสง่างามของสหจะโยคะเยี่ยมชมนิตยสารดิไวน์คูลบรีซ

ครั้งหนึ่งแม่ไปที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งชื่อ Miapatapi พอก้าวเข้าไปในหมู่บ้าน แม่ก็รู้สึกถึงพลังไวเบรชั่นอย่างมหาศาล และแม่ถามว่า “ใครคือนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยมีชีวิตอยู่ที่นี่” ดังนั้น พวกเขาบอกว่าเคยมี pir มุสลิมท่านหนึ่ง แม่พูดว่า “ไม่ว่าจะอย่างไร ท่านเป็นนักบุญ” และเมื่อแม่กำลังนั่งบรรยาย – คุณจะเห็นได้จากรูป – มีแสงส่องลงมาบนศีรษะแม่เจ็ดครั้ง และครั้งที่เจ็ดแม่จึงวางมือแบบนี้ แต่ไม่มีใครเห็น มีแต่แม่เท่านั้นที่รู้ และแม่รู้ว่าที่นั่นมีนักบุญ แม่หัวเราะกับแสง และแล้วผู้คน - คุณจะเห็นว่าเมื่อพวกเขาถ่ายรูป – พวกเขาสามารถจับภาพได้ ดังนั้นวิญญาณตระหนักรู้เหล่านี้มีอยู่ทั่วไป และพวกท่านเป็นผู้ที่ช่วยเหลือ ศรีมาตาจี นิรมลา เทวี
คัดจากการบรรยายเรื่องจักรอักนียะที่ กรุงเดลี ๓ กพ.๒๖
หัวข้อ : อิสลาม
Question from yogi: Can you tell us a bit about sunset; are we not to look at the sunset? Shri Mataji Nirmala Devi:Sunset is not very good, sunset is not good. That’s the time the sun is taking away all the energies from this earth. So it’s not such a good time to see. It depends on, for example, ego-oriented people if they see sun would be better off. Little bit of their ego might go down. But people who have got a left-side problem should see the sun rise, will be good. It’s only the other way round. You see now? Good question. (1980-0424)
Labels: Nature 5.9.09
ดวงอาทิตย์ตก
คำถามจากโยคี : คุณแม่ กรุณาบอกพวกเราเรื่องดวงอาทิตย์ตก เราไม่ควรเฝ้าดูดวงอาทิตย์ตกดินใช่หรือไม่
ศรีมาตาจี นิรมลา เทวี
ตอนที่ดวงอาทิตย์ตกไม่ค่อยดีนัก เป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์เอาพลังงานทั้งหมดออกไปจากโลก ดังนั้น ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะไปเฝ้าดู ขึ้นอยู่กับว่า ตัวอย่างเช่น คนที่เป็นพวกอัตตาธิปไตย ถ้าพวกเขามองดูพระอาทิตย์ตกก็จะดีขึ้น อีโก้ของพวกเขาอาจจะลดลงได้สักนิดหน่อย แต่คนที่มีปัญหาฝั่งซ้ายควรดูพระอาทิตย์ขึ้นจึงจะดี แล้วแต่ว่าจะเป็นอย่างไหน คราวนี้เข้าใจแล้วใช่ไหม เป็นคำถามที่ดี
(1980-0424) หัวข้อ: ธรรมชาติ
Mantra to Shri Ganesha
Say you have to meditate on Mooladhara, now you pay attention towards Mooladhara and take the name of Shri Ganesh. Say the mantra. You know there are four petals; so that mantra every time should be said four times. Four into four you can say. Pay attention there.H.H.Shri Mataji Nirmala Devi, London, 1980 (1980-0424)
Labels: Ganesha, Mantras 8.8.09
บทสวดสำหรับศรีคเณศ
ถ้าหากคุณจะตั้งจิตให้เป็นสมาธิที่จักรมูลาธาระ ตอนนี้คุณตั้งสติไปที่มูลาธาระและใช้นามของศรีคเณศ สวดมนตร์ คุณรู้ว่าจักรนี้มีสี่กลีบ ดังนั้น ทุกครั้งที่สวดมนตร์นี้ควรสวดสี่จบ กล่าวได้ว่าครบทั้งสี่กลีบ ตั้งสติที่นั่นศรีมาตาจี นิรมลา เทวี ลอนดอน1980 (1980-0424)
หัวข้อ:ศรีคเณศ มันตรา
การเริ่มต้นสหจะโยคะในรัสเซีย
ในปีพ.ศ.๒๕๒๘ (1985) ชาวรัสเซียผู้หนึ่งได้รับการตระหนักรู้ที่สวิตเซอร์แลนด์ พ.ศ.๒๕๓๒ (1989) ศรีมาตาจีดำเนินการจัดโปรแกรมสาธารณะครั้งแรก ซึ่งหลังจากนั้นการนั่งสมาธิกลุ่มครั้งแรกได้เริ่มขึ้นที่ เซนท์-ปีเตอร์สเบิร์ก (เลนินกราด) มอสโคว์ และโตกลิอาตติ
สหจะโยคะได้รับการพิจารณาอย่างเป็นทางการให้เริ่มเผยแผ่ในเซนท์-ปีเตอร์สเบิร์ก ตั้งแต่ฤดูร้อนของปี ๒๕๓๒ เมื่อศรีมาตาจีได้เดินทางมายังเมืองนี้และจัดโปรแกรมสาธารณะเป็นครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้ในปี ๒๕๓๐ มีสหจะโยคีกลุ่มแรกที่รวมตัวกันประมาณ ๑๐ คนได้นั่งสมาธิด้วยกันในอพาร์ทเมนท์ของพวกเขา
ศรีมาตาจีได้เดินทางมาที่ เซนท์-ปีเตอร์สเบิร์ก ๕ ครั้ง – ครั้งแรกในปี๒๕๓๒ และต่อมาในปี ๒๕๓๓, ๒๕๓๔, ๒๕๓๗ และ ๒๕๓๙ การพบกัน ครั้งแรกของศรีมาตาจีกับประชาชนของเซนท์-ปีเตอร์สเบิร์กจัดขึ้นที่ พาเลซออฟเดอะยูธ ในปี๒๕๓๒ ห้องประชุมเนืองแน่นไปด้วยผู้คน คุณแม่บอกผู้ฟังเกี่ยวกับระบบกายละเอียดและความเกี่ยวข้องกันกับร่างกาย ผู้ต้องการตั้งคำถามสามารถถามได้ ประชาชนราวหนึ่งพันคนได้รับการตระหนักรู้ในตนเอง ตั้งแต่นั้นมาจำนวนคนที่ฝึกสหจะโยคะได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โปรแกรมการสอนทำขึ้นในโรงเรียน ศูนย์วัฒนธรรม และสถาบันการแพทย์:
ยี่สิบปีสหจะโยคะในรัสเซีย
ภาพ:ศรีมาตาจีในรัสเซีย 1989
หัวข้อ: ยุโรป ประวัติสหจะโยคะ
Q. Could you tell us about angels, Shri Mataji?Shri Mataji: They are very beautiful, just like flowers, very fragrant. And they will help you, you’ll be amazed how they’ll help you. You won’t see them, you don’t see them. But they are there, in the form of some human being, in so many ways. So, you cannot describe them because you can’t see them. But you’ll see their help, and you’ll be amazed how they guide you to the right path. Now, supposing you lose your way somewhere, don’t get frustrated, don’t get upset about it. If you have lost your way it must be some purpose. On that way when you go you’ll find somebody whom you have been looking for ages, or maybe some sort of a thing you’ll find, some treasure you’ll find. So, if you have lost your way, there’s nothing to worry. They work very smoothly and sweetly.(Holland Park School Public Program, London, 27/9/2000)
คำถาม: คุณแม่ กรุณาเล่าเรื่องนางฟ้าให้พวกเราฟังศรีมาตาจี: พวกท่านสวยงามเหมือนกับดอกไม้ กลิ่นหอมมาก และพวกท่านจะช่วยเหลือคุณ คุณจะต้องทึ่งว่าท่านช่วยขนาดไหน คุณจะไม่เห็นพวกท่าน คุณไม่เห็นตัวพวกท่าน แต่ท่านอยู่ที่นั่น ในรูปลักษณ์ของมนุษย์ ในหลายๆ แบบ ดังนั้น คุณไม่สามารถอธิบายพวกท่าน เพราะคุณไม่สามารถเห็นตัวท่าน แต่คุณจะเห็นการช่วยเหลือของท่าน และคุณจะทึ่งในวิธีที่ท่านนำคุณไปในทางที่ถูกต้อง ตอนนี้ สมมุติว่าคุณหลงทางในที่บางแห่ง ไม่ต้องท้อแท้ ไม่ต้องกลุ้มใจไป ถ้าคุณหลงทาง แสดงว่าต้องมีความมุ่งหมายบางอย่าง บนเส้นทางนั้น เมื่อคุณไป คุณอาจจะพบใครบางคนที่คุณอยากเจอมาตั้งนานแล้ว หรืออาจจะพบของบางอย่าง พบของมีค่าบางชิ้น ดังนั้น ถ้าคุณหลงทาง ไม่มีอะไรต้องวิตกกังวล ความเป็นไปทั้งหลายจะราบรื่นและอ่อนหวาน
(โปรแกรมสาธารณะที่ฮอลแลนด์พาร์คสกูล ลอนดอน
๒๗ กันยายน ๒๕๔๓)
Divine Cool Breeze
In 1987 Shri Mataji renamed a newsletter that had been known until then as The Wind. She called it The Divine Cool Breeze. She said that the newsletter, along with its new name, should reflect the importance and dignity of Sahaja Yoga.Visit the Divine Cool Breeze Magazine
ดิไวน์คูลบรีซ
ในปี 1987 (พ.ศ.๒๕๓๐) ศรีมาตาจีตั้งชื่อให้แก่จดหมายข่าวที่รู้จักกันจนถึงขณะนั้นในชื่อว่าเดอะวินด์ เสียใหม่ โดยท่านเรียกว่า เดอะ ดิไวน์ คูล บรีซ ท่านกล่าวว่า จดหมายข่าวที่ใช้ชื่อใหม่นี้ ควรสะท้อนถึงความสำคัญและความสง่างามของสหจะโยคะเยี่ยมชมนิตยสารดิไวน์คูลบรีซ
ครั้งหนึ่งแม่ไปที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งชื่อ Miapatapi พอก้าวเข้าไปในหมู่บ้าน แม่ก็รู้สึกถึงพลังไวเบรชั่นอย่างมหาศาล และแม่ถามว่า “ใครคือนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยมีชีวิตอยู่ที่นี่” ดังนั้น พวกเขาบอกว่าเคยมี pir มุสลิมท่านหนึ่ง แม่พูดว่า “ไม่ว่าจะอย่างไร ท่านเป็นนักบุญ” และเมื่อแม่กำลังนั่งบรรยาย – คุณจะเห็นได้จากรูป – มีแสงส่องลงมาบนศีรษะแม่เจ็ดครั้ง และครั้งที่เจ็ดแม่จึงวางมือแบบนี้ แต่ไม่มีใครเห็น มีแต่แม่เท่านั้นที่รู้ และแม่รู้ว่าที่นั่นมีนักบุญ แม่หัวเราะกับแสง และแล้วผู้คน - คุณจะเห็นว่าเมื่อพวกเขาถ่ายรูป – พวกเขาสามารถจับภาพได้ ดังนั้นวิญญาณตระหนักรู้เหล่านี้มีอยู่ทั่วไป และพวกท่านเป็นผู้ที่ช่วยเหลือ ศรีมาตาจี นิรมลา เทวี
คัดจากการบรรยายเรื่องจักรอักนียะที่ กรุงเดลี ๓ กพ.๒๖
หัวข้อ : อิสลาม
A story explaining the essence of collectivity
"Once as a child I had read a story about some birds. A net was cast, and so many birds, you see, doves, they were caught in the net. And they discovered that, ‘We are misled, misguided.’ They saw some grains and they were misguided. So how to get out of the net was impossible for them. Is an impossibility. One person cannot get out. One person tries to get out, others get more entangled and he gets even worse. So what to do? They all said, ‘Why not we all, fly out with the net itself. And then with our beaks we’ll cut out this net, and we’ll be freed, but first get out from here. Put our energy together, all of us and let’s fly out.’ And that’s what they did. They spread their wings, all of them put together, and took off, and off they went and they were freed.
Today’s Sahaja Yoga is that kind of a trick. One person cannot work it out. Is impossible. If one person has to do it, it’s an impossibility. He has to go and live in a cave permanently. Any one person even endowed with powers like Christ, comes on this earth is crucified, finished. Three years, He’s crucified. Nobody understood Him. So we have to have many more, to get out of this net, which is created through the efforts of these pseudo people, through our stupidity we can say, our wrong doings, misguidances, all kinds of problems which are against evolution. One has to become a whole group to lift up the society higher so that you can really get rid of the shackles of this bondage".
H.H.Shri Mataji Nirmala Devi
1982,Public Program, Hampstead , UK
เรื่องราวที่อธิบายสาระสำคัญของการรวมกลุ่ม
"ครั้งหนึ่งเมื่อแม่ยังเด็ก แม่ได้อ่านนิทานเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับนก ร่างแหถูกเหวี่ยงออก และนกจำนวนมาก อย่างที่คุณเห็น นกพิราบพวกนั้นถูกจับไว้ในตาข่าย และพบว่า “พวกเราโดนหัวหน้าพามาผิดทางแล้ว” พวกนกเห็นเมล็ดพืชและถูกนำมาติดข่าย หนทางที่จะออกจากตาข่ายเป็นไปไม่ได้สำหรับบรรดานก ไม่สามารถที่จะเป็นไปได้ นกตัวหนึ่งไม่สามารถออกไป ตัวหนึ่งพยายามที่จะออก ตัวอื่นๆ ยิ่งถูกพันหนักเข้าไปอีก ดังนั้น จะทำอย่างไร นกทั้งหมดพูดว่า “ทำไมพวกเราไม่บินพร้อมกับตาข่ายไปด้วยกันทั้งหมดเลย แล้วใช้จะงอยปากของเรากัดตาข่ายนี้ให้ขาด แล้วเราก็หลุดรอดไปได้ แต่ก่อนอื่น ออกไปจากที่นี่ รวมพลัง พวกเราทั้งหมด และขอให้พวกเราบินขึ้นไป” และนั่นคือสิ่งที่พวกนกได้กระทำ ทุกตัวกางปีกพร้อมเพรียงกันและบินออกไปจนพ้น และเป็นอิสระ
สหจะโยคะของวันนี้เป็นกลวิธีประเภทนั้นเช่นกัน คนๆ เดียวไม่สามารถทำสำเร็จ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าบุคคลคนเดียวต้องทำ ไม่สามารถเป็นไปได้ เขาต้องไปอาศัยอยู่ในถ้ำอย่างถาวร คนใดคนหนึ่งก็ตามแม้จะได้มาซึ่งพลัง เช่น พระคริสต์ เมื่อถือกำเนิดมาบนโลกก็ยังถูกตรึงกางเขน จบสิ้นไป สามปี ท่านก็ถูกตรึงกางเขน ไม่มีใครเข้าใจท่าน ดังนั้น เราต้องมีจำนวนมากขึ้นอีกมาก เพื่อที่จะหลุดพ้นจากบ่วงข่าย ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยผ่านความพยายามของพวกผู้คนที่จอมปลอมเหล่านี้ ผ่านความโง่เขลาของเรา พูดได้ว่า การกระทำผิดๆ ของเรา การนำไปสู่สิ่งผิด ปัญหาทุกชนิดที่ต่อต้านวิวัฒนาการ บุคคลต้องกลายเป็นกลุ่มโดยรวมในการที่จะยกสังคมให้สูงขึ้น เพื่อว่าคุณจะสามารถกำจัดพันธนาการของความเป็นทาสนี้ออกไปได้อย่างแท้จริง”
ท่านศรีมาตาจี นิรมลา เทวี
โปรแกรมสาธารณะที่เมืองแฮมสตัด ประเทศอังกฤษ พ.ศ.2525
"Once as a child I had read a story about some birds. A net was cast, and so many birds, you see, doves, they were caught in the net. And they discovered that, ‘We are misled, misguided.’ They saw some grains and they were misguided. So how to get out of the net was impossible for them. Is an impossibility. One person cannot get out. One person tries to get out, others get more entangled and he gets even worse. So what to do? They all said, ‘Why not we all, fly out with the net itself. And then with our beaks we’ll cut out this net, and we’ll be freed, but first get out from here. Put our energy together, all of us and let’s fly out.’ And that’s what they did. They spread their wings, all of them put together, and took off, and off they went and they were freed.
Today’s Sahaja Yoga is that kind of a trick. One person cannot work it out. Is impossible. If one person has to do it, it’s an impossibility. He has to go and live in a cave permanently. Any one person even endowed with powers like Christ, comes on this earth is crucified, finished. Three years, He’s crucified. Nobody understood Him. So we have to have many more, to get out of this net, which is created through the efforts of these pseudo people, through our stupidity we can say, our wrong doings, misguidances, all kinds of problems which are against evolution. One has to become a whole group to lift up the society higher so that you can really get rid of the shackles of this bondage".
H.H.Shri Mataji Nirmala Devi
1982,Public Program, Hampstead , UK
เรื่องราวที่อธิบายสาระสำคัญของการรวมกลุ่ม
"ครั้งหนึ่งเมื่อแม่ยังเด็ก แม่ได้อ่านนิทานเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับนก ร่างแหถูกเหวี่ยงออก และนกจำนวนมาก อย่างที่คุณเห็น นกพิราบพวกนั้นถูกจับไว้ในตาข่าย และพบว่า “พวกเราโดนหัวหน้าพามาผิดทางแล้ว” พวกนกเห็นเมล็ดพืชและถูกนำมาติดข่าย หนทางที่จะออกจากตาข่ายเป็นไปไม่ได้สำหรับบรรดานก ไม่สามารถที่จะเป็นไปได้ นกตัวหนึ่งไม่สามารถออกไป ตัวหนึ่งพยายามที่จะออก ตัวอื่นๆ ยิ่งถูกพันหนักเข้าไปอีก ดังนั้น จะทำอย่างไร นกทั้งหมดพูดว่า “ทำไมพวกเราไม่บินพร้อมกับตาข่ายไปด้วยกันทั้งหมดเลย แล้วใช้จะงอยปากของเรากัดตาข่ายนี้ให้ขาด แล้วเราก็หลุดรอดไปได้ แต่ก่อนอื่น ออกไปจากที่นี่ รวมพลัง พวกเราทั้งหมด และขอให้พวกเราบินขึ้นไป” และนั่นคือสิ่งที่พวกนกได้กระทำ ทุกตัวกางปีกพร้อมเพรียงกันและบินออกไปจนพ้น และเป็นอิสระ
สหจะโยคะของวันนี้เป็นกลวิธีประเภทนั้นเช่นกัน คนๆ เดียวไม่สามารถทำสำเร็จ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าบุคคลคนเดียวต้องทำ ไม่สามารถเป็นไปได้ เขาต้องไปอาศัยอยู่ในถ้ำอย่างถาวร คนใดคนหนึ่งก็ตามแม้จะได้มาซึ่งพลัง เช่น พระคริสต์ เมื่อถือกำเนิดมาบนโลกก็ยังถูกตรึงกางเขน จบสิ้นไป สามปี ท่านก็ถูกตรึงกางเขน ไม่มีใครเข้าใจท่าน ดังนั้น เราต้องมีจำนวนมากขึ้นอีกมาก เพื่อที่จะหลุดพ้นจากบ่วงข่าย ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยผ่านความพยายามของพวกผู้คนที่จอมปลอมเหล่านี้ ผ่านความโง่เขลาของเรา พูดได้ว่า การกระทำผิดๆ ของเรา การนำไปสู่สิ่งผิด ปัญหาทุกชนิดที่ต่อต้านวิวัฒนาการ บุคคลต้องกลายเป็นกลุ่มโดยรวมในการที่จะยกสังคมให้สูงขึ้น เพื่อว่าคุณจะสามารถกำจัดพันธนาการของความเป็นทาสนี้ออกไปได้อย่างแท้จริง”
ท่านศรีมาตาจี นิรมลา เทวี
โปรแกรมสาธารณะที่เมืองแฮมสตัด ประเทศอังกฤษ พ.ศ.2525
Imagine if you have big balloon attached to you, how can you go deep down into the sea?
ลองนึกภาพถ้าคุณมีลูกโป่งใบใหญ่ผูกติดตัว คุณจะลงไปในน้ำทะเลให้ลึกได้อย่างไร
Thank you very much for all this celebration, for all these beautiful balloons. But looking at these balloons, we have to see, some of them who have lost their air completely. This is another problem we face in the West Because, to have ego, according to the western culture, is a very great achievement When we start living with our ego, I know, how one looks like. He really looks like a stupid fellow. When he talks, when he describes himself, you don't know where to look because we just feel like laughing at his stupidity. Ego is the outcome of stupidity. I don't know what to say, how to give a simile to ego because it is just bloated and makes you float in the air. When it bursts, you are down on the earth. But you are not down on the earth, the way a Sahaja Yogi should be - down to earth, but completely finished.All your arrogance goes to waste. You can never understand Sahaja Yoga, if you have this ego in your head. I have known people who have this ego. They have come to Sahaja Yoga and still they think they know more than anybody else. To know about yourself, you have to go deep down and to go deep down you have to give up all this idea which makes you float in the air. Imagine if you have big balloon attached to you, how can you go deep down into the sea? You cannot. That kind of air which makes you float in the air, absolutely in an area of stupidity. Then you may think whatever you like about yourself, you can behave the way you like but what do you achieve? You achieve nothing out of it. Whatever you achieve, people are jealous of you, they want to harm you, you have no friends. Nobody cares for you and in Sahaja Yoga, people know who has got this problem.H.H. Shri Mataji Niramala DeviJanam Diwas PujaDelhi, 21.03.1997
ขอบคุณมาก สำหรับการฉลองทั้งหมดนี้ สำหรับลูกโป่งที่สวยงามทั้งหมดเหล่านี้ แต่การมองดูที่ลูกโป่งเหล่านี้ เราต้องเห็นว่า บางลูกได้สูญเสียลมจนหมดสิ้น นี่คือปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่เราเผชิญในซีกโลกตะวันตก เพราะการมีอีโก้ตามวัฒนธรรมตะวันตกเป็นการบรรลุที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเราเริ่มดำเนินชีวิตด้วยอีโก้ของเรา แม่รู้ว่า คนนั้นจะมีลักษณะอย่างไร เขาจะดูเหมือนคนโง่จริงๆ เมื่อเขาพูด เมื่อเขาบรรยายตัวเขาเอง คุณไม่รู้จะมองไปที่ไหนดีเพราะเรารู้สึกแทบจะหัวเราะออกมาในความโง่ของเขา อีโก้คือผลลัพธ์ของความโง่ แม่ไม่รู้จะพูดอย่างไรที่จะให้การเปรียบเทียบกับอีโก้ เพราะอีโก้ได้แต่พองโตและทำให้คุณลอยไปในอากาศ เมื่อใดที่เกิดระเบิดขึ้นคุณก็จะตกลงมาที่พื้นดิน แต่คุณก็ไม่อยู่บนพื้นดิน ตามวิถีทางที่สหจะโยคีควรเป็น – ติดดิน แต่กลับจบไปอย่างสิ้นเชิง
ความหยิ่งยโสทั้งหมดของคุณไปสู่ความเปลืองเปล่า คุณจะไม่มีวันเข้าใจสหจะโยคะถ้าคุณมีอีโก้ในหัวของคุณ แม่รู้จักผู้คนที่มีอีโก้นี้ พวกเขามาที่สหจะโยคะและยังคงคิดว่าพวกเขารู้มากกว่าใครอื่นทั้งนั้น การที่จะรู้จักตนเอง คุณต้องลงไปให้ลึกและการที่จะลงลึกคุณต้องยกเลิกแนวคิดทั้งหมดนี้ที่ทำให้คุณลอยอยู่ในอากาศ ลองนึกภาพถ้าคุณมีลูกโป่งใบใหญ่ผูกติดตัว คุณจะลงไปในน้ำทะเลให้ลึกได้อย่างไร คุณทำไม่ได้ อากาศชนิดนั้นที่ทำให้คุณลอยขึ้นไปอยู่ในพื้นที่ของความโง่ล้วนๆ แล้วคุณก็อาจจะคิดอย่างไรก็ได้ที่คุณชอบเกี่ยวกับตนเอง คุณสามารถประพฤติตัวตามที่คุณชอบ แต่คุณบรรลุอะไรคุณไม่มีอะไรบรรลุจากสิ่งนี้ สิ่งที่คุณได้รับคือผู้คนอิจฉาคุณ พวกเขาต้องการล้มคุณลง คุณไม่มีเพื่อน ไม่มีใครแยแสคุณ และในสหจะโยคะ ผู้คนรู้ว่าใครมีปัญหานี้
ท่านศรีมาตาจี นิรมลา เทวี
เบิร์ธเดย์ บูชา 21 มีนาคม 2540 กรุงเดลี
ลองนึกภาพถ้าคุณมีลูกโป่งใบใหญ่ผูกติดตัว คุณจะลงไปในน้ำทะเลให้ลึกได้อย่างไร
Thank you very much for all this celebration, for all these beautiful balloons. But looking at these balloons, we have to see, some of them who have lost their air completely. This is another problem we face in the West Because, to have ego, according to the western culture, is a very great achievement When we start living with our ego, I know, how one looks like. He really looks like a stupid fellow. When he talks, when he describes himself, you don't know where to look because we just feel like laughing at his stupidity. Ego is the outcome of stupidity. I don't know what to say, how to give a simile to ego because it is just bloated and makes you float in the air. When it bursts, you are down on the earth. But you are not down on the earth, the way a Sahaja Yogi should be - down to earth, but completely finished.All your arrogance goes to waste. You can never understand Sahaja Yoga, if you have this ego in your head. I have known people who have this ego. They have come to Sahaja Yoga and still they think they know more than anybody else. To know about yourself, you have to go deep down and to go deep down you have to give up all this idea which makes you float in the air. Imagine if you have big balloon attached to you, how can you go deep down into the sea? You cannot. That kind of air which makes you float in the air, absolutely in an area of stupidity. Then you may think whatever you like about yourself, you can behave the way you like but what do you achieve? You achieve nothing out of it. Whatever you achieve, people are jealous of you, they want to harm you, you have no friends. Nobody cares for you and in Sahaja Yoga, people know who has got this problem.H.H. Shri Mataji Niramala DeviJanam Diwas PujaDelhi, 21.03.1997
ขอบคุณมาก สำหรับการฉลองทั้งหมดนี้ สำหรับลูกโป่งที่สวยงามทั้งหมดเหล่านี้ แต่การมองดูที่ลูกโป่งเหล่านี้ เราต้องเห็นว่า บางลูกได้สูญเสียลมจนหมดสิ้น นี่คือปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่เราเผชิญในซีกโลกตะวันตก เพราะการมีอีโก้ตามวัฒนธรรมตะวันตกเป็นการบรรลุที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเราเริ่มดำเนินชีวิตด้วยอีโก้ของเรา แม่รู้ว่า คนนั้นจะมีลักษณะอย่างไร เขาจะดูเหมือนคนโง่จริงๆ เมื่อเขาพูด เมื่อเขาบรรยายตัวเขาเอง คุณไม่รู้จะมองไปที่ไหนดีเพราะเรารู้สึกแทบจะหัวเราะออกมาในความโง่ของเขา อีโก้คือผลลัพธ์ของความโง่ แม่ไม่รู้จะพูดอย่างไรที่จะให้การเปรียบเทียบกับอีโก้ เพราะอีโก้ได้แต่พองโตและทำให้คุณลอยไปในอากาศ เมื่อใดที่เกิดระเบิดขึ้นคุณก็จะตกลงมาที่พื้นดิน แต่คุณก็ไม่อยู่บนพื้นดิน ตามวิถีทางที่สหจะโยคีควรเป็น – ติดดิน แต่กลับจบไปอย่างสิ้นเชิง
ความหยิ่งยโสทั้งหมดของคุณไปสู่ความเปลืองเปล่า คุณจะไม่มีวันเข้าใจสหจะโยคะถ้าคุณมีอีโก้ในหัวของคุณ แม่รู้จักผู้คนที่มีอีโก้นี้ พวกเขามาที่สหจะโยคะและยังคงคิดว่าพวกเขารู้มากกว่าใครอื่นทั้งนั้น การที่จะรู้จักตนเอง คุณต้องลงไปให้ลึกและการที่จะลงลึกคุณต้องยกเลิกแนวคิดทั้งหมดนี้ที่ทำให้คุณลอยอยู่ในอากาศ ลองนึกภาพถ้าคุณมีลูกโป่งใบใหญ่ผูกติดตัว คุณจะลงไปในน้ำทะเลให้ลึกได้อย่างไร คุณทำไม่ได้ อากาศชนิดนั้นที่ทำให้คุณลอยขึ้นไปอยู่ในพื้นที่ของความโง่ล้วนๆ แล้วคุณก็อาจจะคิดอย่างไรก็ได้ที่คุณชอบเกี่ยวกับตนเอง คุณสามารถประพฤติตัวตามที่คุณชอบ แต่คุณบรรลุอะไรคุณไม่มีอะไรบรรลุจากสิ่งนี้ สิ่งที่คุณได้รับคือผู้คนอิจฉาคุณ พวกเขาต้องการล้มคุณลง คุณไม่มีเพื่อน ไม่มีใครแยแสคุณ และในสหจะโยคะ ผู้คนรู้ว่าใครมีปัญหานี้
ท่านศรีมาตาจี นิรมลา เทวี
เบิร์ธเดย์ บูชา 21 มีนาคม 2540 กรุงเดลี
second chakra is important...
จักรที่สองสำคัญดังนี้...
So, second chakra is important, because, in modern times, it is very, very cosmic, as well as active.We become very active, overactive. And we start thinking about everyone, with whom we are not concerned. And bothering our heads. So, today’s chakra is important, because it bothers your head. It troubles you a lot and you start thinking about them. You start thinking: “What have you said?” “What has happened?” “Who is angry?”All sorts of nonsense. You are all Sahaja Yogis. So you shouldn’t worry as to all these people what they say, what they are doing. You should just enjoy yourself.Second chakra you must enjoy. That’s the best way to enjoy Sahaja Yoga.Then your Swadhishthana is satisfied. Nothing can disturb you. As Swadhishthana is really looked after.
H.H.Shri Mataji Nirmala Devi:
2-nd night of Navaratri talk, 13-10-2007
ดังนั้น จักรที่สองมีความสำคัญ เพราะในยุคใหม่เป็นยุคแห่งจักรวาลอย่างมากๆ เท่าๆ กับความรวดเร็ว เรากลายเป็นคนที่รีบเร่งจนเกินไป และเราเริ่มคิดเกี่ยวกับคนอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราเลย และเป็นการรบกวนหัวสมองของเรา ดังนั้น จักราของวันนี้เป็นจักราที่สำคัญ เพราะเป็นสิ่งที่รบกวนสมองของคุณ ทำให้คุณยุ่งยากมากและคุณเริ่มคิดเกี่ยวกับพวกเขา คุณเริ่มความคิดที่ว่า “คุณพูดอะไร” “เกิดอะไรขึ้น” “ใครโกรธ” ซึ่งไร้สาระทุกอย่าง ทุกคนเป็นสหจะโยคี ดังนั้น คุณไม่ควรกังวลถึงผู้คนทั้งหมดไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไร กำลังทำอะไร คุณเพียงแต่ทำตนให้ร่าเริงเบิกบาน ในจักราที่สอง คุณต้องมีความเพลินใจ นั่นคือหนทางที่ดีที่สุดที่จะอยู่ในสหจะโยคะอย่างมีความสุข และแล้วสวาธิษฐานของคุณจะได้รับความพอใจ ไม่มีสิ่งใดจะมารบกวนคุณได้ ขณะที่สวาธิษฐานได้รับการดูแลอย่างแท้จริง
ท่านศรีมาตาจี นิรมลา เทวี
คำสอน คืนที่สองของนวราตรี 13 ตุลาคม2550
จักรที่สองสำคัญดังนี้...
So, second chakra is important, because, in modern times, it is very, very cosmic, as well as active.We become very active, overactive. And we start thinking about everyone, with whom we are not concerned. And bothering our heads. So, today’s chakra is important, because it bothers your head. It troubles you a lot and you start thinking about them. You start thinking: “What have you said?” “What has happened?” “Who is angry?”All sorts of nonsense. You are all Sahaja Yogis. So you shouldn’t worry as to all these people what they say, what they are doing. You should just enjoy yourself.Second chakra you must enjoy. That’s the best way to enjoy Sahaja Yoga.Then your Swadhishthana is satisfied. Nothing can disturb you. As Swadhishthana is really looked after.
H.H.Shri Mataji Nirmala Devi:
2-nd night of Navaratri talk, 13-10-2007
ดังนั้น จักรที่สองมีความสำคัญ เพราะในยุคใหม่เป็นยุคแห่งจักรวาลอย่างมากๆ เท่าๆ กับความรวดเร็ว เรากลายเป็นคนที่รีบเร่งจนเกินไป และเราเริ่มคิดเกี่ยวกับคนอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราเลย และเป็นการรบกวนหัวสมองของเรา ดังนั้น จักราของวันนี้เป็นจักราที่สำคัญ เพราะเป็นสิ่งที่รบกวนสมองของคุณ ทำให้คุณยุ่งยากมากและคุณเริ่มคิดเกี่ยวกับพวกเขา คุณเริ่มความคิดที่ว่า “คุณพูดอะไร” “เกิดอะไรขึ้น” “ใครโกรธ” ซึ่งไร้สาระทุกอย่าง ทุกคนเป็นสหจะโยคี ดังนั้น คุณไม่ควรกังวลถึงผู้คนทั้งหมดไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไร กำลังทำอะไร คุณเพียงแต่ทำตนให้ร่าเริงเบิกบาน ในจักราที่สอง คุณต้องมีความเพลินใจ นั่นคือหนทางที่ดีที่สุดที่จะอยู่ในสหจะโยคะอย่างมีความสุข และแล้วสวาธิษฐานของคุณจะได้รับความพอใจ ไม่มีสิ่งใดจะมารบกวนคุณได้ ขณะที่สวาธิษฐานได้รับการดูแลอย่างแท้จริง
ท่านศรีมาตาจี นิรมลา เทวี
คำสอน คืนที่สองของนวราตรี 13 ตุลาคม2550
When you give bandhans
เมื่อคุณทำบันธัน
"When you give bandhans, what you do is to put the chaitanya into action. In every action in everything you do, you should know, it's the param chaitanya that acts. Only thing is, you have to be aware of yourself, and aware that it acts. And you just jump into that awareness, and it acts. So many people, though they know it in their brains, do not know it in their hearts. And so many people who know in their hearts, do not act in their attention. So only these three things you have to improve. One is your head, the other is your heart, and the third is your liver. If you can improve these three organs, this param chaitanya will act. "
H.H. Shri Mataji Nirmala devi
(Shri Ganesha Puja- 1989 Switzerland).
“เมื่อคุณทำบันธันต่างๆ สิ่งที่คุณทำคือการจัดวางให้พลังไจตันยะแปรไปสู่การกระทำ ในการกระทำทุกอย่างที่คุณทำ คุณควรจะรู้ว่า บรมไจตันยะเป็นผู้ที่กระทำ เพียงอย่างเดียวที่คุณต้องทำคือตั้งสติที่ตนเองและสำนึกว่าพลังเป็นผู้กระทำ และคุณแค่ทุ่มตัวตนเข้าสู่สติสำนึกนั้น แล้วพลังก็จะดำเนินการไป ผู้คนจำนวนมากแม้จะได้รับความรู้นี้โดยทางความคิดของสมองแต่ก็ไม่รู้ซึ้งเข้าไปในหัวใจ และอีกจำนวนมากที่ซาบซึ้งในหัวใจแต่ไม่ปฏิบัติทางสติ ดังนั้น คุณต้องปรับปรุงสามสิ่ง หนึ่งคือความคิด อีกอย่างคือหัวใจ และสามคือตับ ถ้าคุณสามารถปรับอวัยวะทั้งสามให้ดีขึ้นพร้อมกันได้ พลังบรมไจตันยะนี้จะกระทำการ”
ท่านศรีมาตาจี นิรมลา เทวี
(ศรีคเณศ บูชา – พ.ศ.2532 สวิตเซอร์แลนด์)
เมื่อคุณทำบันธัน
"When you give bandhans, what you do is to put the chaitanya into action. In every action in everything you do, you should know, it's the param chaitanya that acts. Only thing is, you have to be aware of yourself, and aware that it acts. And you just jump into that awareness, and it acts. So many people, though they know it in their brains, do not know it in their hearts. And so many people who know in their hearts, do not act in their attention. So only these three things you have to improve. One is your head, the other is your heart, and the third is your liver. If you can improve these three organs, this param chaitanya will act. "
H.H. Shri Mataji Nirmala devi
(Shri Ganesha Puja- 1989 Switzerland).
“เมื่อคุณทำบันธันต่างๆ สิ่งที่คุณทำคือการจัดวางให้พลังไจตันยะแปรไปสู่การกระทำ ในการกระทำทุกอย่างที่คุณทำ คุณควรจะรู้ว่า บรมไจตันยะเป็นผู้ที่กระทำ เพียงอย่างเดียวที่คุณต้องทำคือตั้งสติที่ตนเองและสำนึกว่าพลังเป็นผู้กระทำ และคุณแค่ทุ่มตัวตนเข้าสู่สติสำนึกนั้น แล้วพลังก็จะดำเนินการไป ผู้คนจำนวนมากแม้จะได้รับความรู้นี้โดยทางความคิดของสมองแต่ก็ไม่รู้ซึ้งเข้าไปในหัวใจ และอีกจำนวนมากที่ซาบซึ้งในหัวใจแต่ไม่ปฏิบัติทางสติ ดังนั้น คุณต้องปรับปรุงสามสิ่ง หนึ่งคือความคิด อีกอย่างคือหัวใจ และสามคือตับ ถ้าคุณสามารถปรับอวัยวะทั้งสามให้ดีขึ้นพร้อมกันได้ พลังบรมไจตันยะนี้จะกระทำการ”
ท่านศรีมาตาจี นิรมลา เทวี
(ศรีคเณศ บูชา – พ.ศ.2532 สวิตเซอร์แลนด์)
Medical A-Z version2.2: 5/9/2001
สหจะ โยคะ คำอธิบายสาเหตุของโรคต่างๆ และการบำบัดรักษา
รวบรวมจากการบรรยายและข้อเขียนของ ศรีมาตาจี นิรมลา เทวี
และงานวิจัยทางการแพทย์ของสหจะโยคี
โรคภูมิแพ้
“ คนที่ขาดสมดุลในช่องพลังด้านซ้าย หรือเรียกว่าคนฝั่งซ้าย เป็นเพราะตับทำงานเฉื่อย ทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ ภูมิแพ้ทุกชนิดเกิดจากอาการเฉื่อยชาของตับ ”
(Sickness and its cure,นิวเดลี 9/2/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่25)
“ทำไมเด็กจึงเป็นโรคภูมิแพ้…เพราะนาภีซ้ายอุดตันซึ่งเกิดจากแม่ของเด็ก เนื่องจากเด็กมิได้มีปัญหาครอบครัว ดังนั้น แม่ของเด็กจึงเป็นต้นเหตุ เพราะแม่ของเด็กขาดสมดุลที่จักรนาภีด้านซ้าย เด็กๆ จึงเกิดการอุดตันไปด้วย ทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ ไม่ควรโทษเด็ก แต่ต้องรักษานาภีซ้ายทั้งแม่และลูก...เราจะช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ในเด็กได้อย่างไร ง่ายมาก ไม่ว่าสิ่งใดที่เป็นการอุดตันฝั่งซ้าย สามารถแก้ไขด้วยเปลวไฟเล็กๆ เพียงแค่วางมือขวาของคุณที่นาภีซ้ายของลูกและยื่นมือข้างซ้ายของคุณไปที่แสงเทียนเท่านี้เอง ”
(Rahuri Q&A 13/4/86)
คำถาม ทำไมนมวัวจึงทำให้โรคภูมิแพ้และโรคผิวหนังอักเสบสาเหตุจากภูมิแพ้เป็นมากขึ้น “นมวัวให้พลังทางด้านซ้ายมากเกินไป เนื่องจากน้ำนมได้มาจากแม่วัว คุณไม่ควรดื่มนมวัวหรือนมควาย เพราะช่องพลังด้านซ้ายจะไม่สมดุล ทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ แต่ถ้าสัตว์ที่ให้นมมีขนาดตัวเล็กกว่าเรา เช่น ถ้าคุณดื่มนมแพะ ตามแบบมหาตมะ คานธี ก็อาจจะไม่มีปัญหาใดๆ ”
(Rahuri Q&A 13/4/86)
“ภูมิแพ้ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากการเปลี่ยนอุณหภูมิร้อน-เย็นต่อร่างกายอย่างฉับพลัน เช่น อาบน้ำเย็นและน้ำร้อนสลับกัน ดื่มกาแฟร้อนแล้วดื่มน้ำเย็นจัดทันที การเปลี่ยนอุณหภูมิอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ระบบภายในร่างกายไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ในบริเวณนาบีจักราด้านซ้ายมีอวัยวะสำคัญคือม้าม ม้ามเป็นเครื่องตรวจวัดความเร็วและมีหน้าที่ปรับสภาพด้วย เมื่อไม่สามารถปรับร่างกายได้ทันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหัน จึงเกิดปัญหาขึ้น ม้ามจะต้องดึงพลังงานมาใช้ทั้งเพิ่มและลดการไหลเวียนของเม็ดเลือดแดง เป็นการทำงานที่สับสนวุ่นวายมาก ” (ศิวราตรี 1987)
อัลไซเมอร์ ( ความจำเสื่อม )
“ ปัจจุบันนี้มีโรคใหม่ที่พวกคุณรู้จักคือ อัลไซเมอร์ อะไรเป็นสาเหตุของโรค
คนที่ก้าวร้าว รุนแรง ทารุณคนอื่น เมื่อถึงวัยชรา สมองของเขาจะอ่อนแอลง และสมองส่วนที่ด้อยคุณภาพนั้นจะสั่งงาน โดยคนๆ นั้นไม่รู้ตัว และโรคนี้ไม่สามารถรักษาได้ แต่ถ้าหากในชีวิตนี้คุณได้รับการตระหนักรู้ และคุณมีความสงบสุขอย่างสมบูรณ์ภายในตนเอง โรคนี้จะไม่กล้ำกรายคุณเลย อัลไซเมอร์ไม่สามารถรบกวนคุณได้ และคุณจะเป็นคนที่เต็มไปด้วยความรัก ความสวยงาม” (Royal Albert Hall, London, 5/7/98)
โรคหืดหรือหอบหืด
“โรคหอบหืดเป็นโรคที่เกี่ยวกับหลอดลม มีสาเหตุจากความผิดปกติของจักรหัวใจซ้ายและขวาประกอบกัน ถ้าพ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยๆ หรือหย่าร้าง การขาดความมั่นคงในความรักจากพ่อแม่ทำให้เป็นโรคหืดหลอดลม ”
(Rahuri Q&A 13/4/86)
“ โรคหืด ส่วนใหญ่เป็นโรคทางกายซึ่งมีสาเหตุจากจิตใจ เนื่องจากช่องพลังด้านซ้ายไม่สมดุล แต่บางครั้งก็เกิดขึ้นกับคนที่ขาดสมดุลในช่องพลังด้านขวาซึ่งเป็นคนที่แข็งกระด้างและมักพยายามวางอำนาจเหนือผู้อื่น-เนื้อเยื่อใสที่บุเคลือบอวัยวะในช่องท้องขาดความชุ่มชื้นอย่างหนัก ”
“ สาเหตุที่ทำให้จักรหัวใจด้านขวาอุดตันคือ เด็กที่พ่อเสียชีวิต หรือเมื่อคุณเป็นพ่อแต่ไม่ทำหน้าที่พ่อที่ดี หรือคุณทำร้ายลูก หรือคุณขาดความสุขภายในตนเอง หรือหลายสาเหตุข้างต้นผสมกัน” (ศิวราตรี 1987)
ศีรษะล้าน
“ ศีรษะล้าน เนื่องจากไม่ใช้น้ำมันใส่ผม หรือใช้น้ำมันไม่ถูกต้อง การใส่น้ำมันควรทำอย่างถูกต้อง และนวดให้ถึงกะโหลกศีรษะไม่ใช่แค่หนังศีรษะ ในเวลาเดียวกัน เมื่อคุณนวดลงไปที่กะโหลกศีรษะ ผิวหนังบริเวณนั้นก็จะเคลื่อนไหวไปด้วย แล้วคุณจะไม่มีปัญหาเรื่องศีรษะล้าน แต่ถ้าหากว่าคุณใช้น้ำมันใส่ผมที่เติมน้ำหอมและน้ำมันเข้มข้นอย่างมาก ศีรษะก็อาจจะล้าน และในการนวดศีรษะไม่ต้องใส่กี (เนยบริสุทธิ์) …”
“ ศีรษะล้านมีสองประเภท ประเภทหนึ่งเริ่มจากด้านหน้า อีกประเภทหนึ่งที่ด้านหลัง และบางคนเป็นทั้งสองแบบ คนที่ศีรษะล้านจากด้านหน้าคือคนที่มีปัญหาเอกทศฤทธิ เมื่อปัญหาเอกทศฤทธิเริ่มขึ้น ศีรษะจะเริ่มล้าน หรือคนที่ไม่ชอบเข้ากลุ่ม ผมจะเริ่มน้อยลงทางด้านหน้า ส่วนศีรษะที่ล้านด้านหลังคือผู้ที่อาจจะไม่ใช่สามีที่ดีนักหรือมีความผิดปกติบางอย่างที่ภรรยา เช่น ภรรยานิสัยไม่ดีมากๆ หรือความบาดหมางระหว่างสามีภรรยา สิ่งเหล่านี้คือสาเหตุ อาจจะมีความขัดแย้งในชีวิตคู่ หรือสามีที่ยึดติดภรรยามาก หรือภรรยายึดติดสามีมากเกินไป ทั้งหมดนี้เป็นการอุดตันของจักรนาภีด้านซ้าย และความเกี่ยวข้องกับนาภีซ้ายคือคฤหลักษมี เมื่อสามีตามใจภรรยามากเกินไปจนเธอสูญเสียคุณสมบัติของคฤหลักษมีโรคนี้จะเริ่มขึ้น หรืออาจเกิดจากชีวิตที่สับสนวุ่นวาย ในกรณีชาวยุโรป ควรทำอย่างไร พวกคุณละเลยการใส่น้ำมันโดยสิ้นเชิง ถ้าหากคุณไม่รดน้ำต้นไม้ ต้นไม้ก็จะตาย เช่นเดียวกับน้ำมันเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงเส้นผมนั่นเอง ”
(Rahuri Q&A 13/4/86)
ความดันโลหิต
“ความรู้สึกผ่อนคลายเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดความดันโลหิต”
(คำสอนสำหรับแม่และเด็ก 1983)
มะเร็ง
“ การรักษามะเร็งที่ได้ผลดีที่สุดคือใช้น้ำ เช่น แช่เท้าในแม่น้ำ ในทะเล หรือในอ่างน้ำเล็กๆ ที่บ้านพร้อมทั้งมีรูปภาพของแม่ตั้งอยู่ น้ำมีธรรมะของการทำความสะอาด ฉะนั้น ศรีวิษณุและทัตตาเตรยะผู้รับผิดชอบธรรมะของมนุษย์จึงควรได้รับการบูชา ท่านช่วยรักษาเทพประจำจักรที่ถูกโจมตี จัดผู้ป่วยให้อยู่ต่อหน้ารูปภาพของแม่ซึ่งมีเทียนจุดไว้แล้ว ให้แช่เท้าผู้ป่วยในน้ำ เลื่อนมือของคุณลงไปตามระบบประสาทซิมพาเธติค และลงสู่น้ำ ผู้ป่วยจะค่อยๆ รู้สึกเย็นลง ถ้าหากเขามีการตระหนักรู้ การบำบัดรักษาจะได้ผลดี ”
(จดหมายถึง ดร.ราอูล จาก นิรมลาโยคะ เล่มที่8)
“ คุณจะประหลาดใจว่า ผู้ที่เจ็บป่วยด้วยโรคที่สามารถคร่าชีวิต เช่น มะเร็ง ซึ่งแม่ได้รักษาทุกคนล้วนแต่เคยเป็นเหยื่อของคุรุปลอมทั้งสิ้น ไม่มียกเว้นแม้แต่คนเดียว รวมทั้งผู้ที่ฝึกตันตระ แม่ไม่เคยเห็นผู้ป่วยมะเร็งคนใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับคุรุปลอมเลย จึงเป็นสาเหตุที่ว่าแพทย์ไม่สามารถรักษาโรคมะเร็งได้ ”
(การบรรยายเป็นภาษาฮินดีที่เดลี 18/8/79 แปลเป็นอังกฤษใน นิรมลาโยคะ เล่มที่17)
“ ผู้ที่จักรกัลกีอุดตัน หมายถึงว่า เขาจะล้มป่วยด้วยโรคร้าย เช่น มะเร็ง หรืออาจจะเป็นโรคเรื้อน หรืออาจจะตกสู่ห้วงความหายนะ”
(คำอธิบายเรื่อง ศรีกัลกี 1982 นิรมลาโยคะ เล่มที่12)
“ ดังนั้น เมื่อบุคคลตกอยู่ในการถูกทำลาย เช่น เกิดโรคมะเร็งขึ้นภายใน จะมีความรู้สึกถึงการสั่นกระเพื่อมในตำแหน่งช่วงบนวอยด์ของเขา ไม่ได้หมายความว่าถ้ามีการสั่นสะเทือนจะต้องมีมะเร็งเสมอไป แต่ถ้ามีมะเร็งเกิดขึ้น บริเวณนี้จะสั่น ซึ่งเป็นเพราะพลังแห่งชีวิตกำลังพยายามที่จะผลักดันมะเร็งออกไป ”
(เอกทศฤทธิ บูชา17/9/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่21)
“เอกทศฤทธิจะแสดงให้เห็นบนหน้าผากของเขา ซึ่งจะเกิดการบวมพอง …ผู้ป่วยมะเร็งส่วนมาก ถ้าคุณสังเกตดู พวกเขาจะมีอาการบวมจากด้านซ้ายขึ้นไปที่ด้านขวาอย่างมาก หรือโย้ไปทางด้านขวา ”
(เอกทศฤทธิ บูชา ออสเตรีย 8/6/88)
“ พลังชีวิตแบ่งเป็นสองด้านคือซ้ายและขวา เมื่อทั้งสองด้านกระทบกัน หมายถึงด้านใดด้านหนึ่งมีปฏิกิริยามากเกินไป บุคคลจะเกิดโรคทางกายที่มีสาเหตุมาจากจิต เมื่อพลังกุณฑลินีขึ้นมาแล้ว ท่านจะหล่อเลี้ยงบำรุงศูนย์พลังทั้งหมด แต่ถ้าสมมุติว่าคุณใช้พลังด้านขวามากเกินไป ด้านซ้ายก็จะแตกแยก สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การเชื่อมโยงกับพลังธรรมชาติจะขาดหายไป คุณก็จะอยู่โดดเดี่ยวโดยปราศจากการเชื่อมโยง มะเร็งจะเริ่มรุกราน ซึ่งรักษาได้ในระยะเริ่มต้น แต่ไม่สามารถรักษาในระยะลุกลาม เราได้ลองพยายามรักษาอยู่บ้างเหมือนกัน ”
(การสัมมนาแพทย์ที่เดลี 6/4/97 บทความใน New Delhi Medicos 13(4-5):32-34)
มะเร็งในเม็ดเลือด
“ มะเร็งในเม็ดเลือดมีสาเหตุจากความรีบเร่ง รวดเร็วเกินไป ดังนั้น บุคคลควรเอาใจใส่ดูแลการทำงานของม้ามให้เรียบร้อยอยู่เสมอ ”
(การบรรยายครั้งที่2 ที่ซิดนีย์ 27/3/81)
“ในจักรนาภีด้านซ้ายมีอวัยวะสำคัญคือม้าม ม้ามมีหน้าที่วัดความเร็วและปรับสภาพร่างกาย เมื่อม้ามทำหน้าที่ปรับสภาพแต่ไม่สามารถทำได้สำเร็จ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเกินไป ปัญหาก็เกิดขึ้น เพราะม้ามต้องจัดหาพลังงานเร่งด่วน เพื่อเพิ่มหรือลดการไหลเวียนของเม็ดโลหิตแดง อวัยวะนี้จึงทำงานหนักมาก ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดมะเร็งในเม็ดเลือด สำหรับคนที่ใช้ชีวิตประจำวันรีบร้อนตลอดเวลา”
(ศิวราตรี1987)
“ม้ามผลิตเม็ดเลือดแดงสำหรับความจำเป็นเร่งด่วน ชีวิตสมัยใหม่มักอยู่ในภาวะเร่งด่วนเสมอ การกระตุ้นม้ามอย่างต่อเนื่องทำให้การทำงานของม้ามเสมือนบ้าคลั่ง เปิดทางให้มะเร็งเข้าโจมตีได้ง่าย ช่วงเวลาใดที่ม้ามอ่อนแอ ถ้ามีสิ่งโจมตีมาจากช่องพลังด้านซ้าย มะเร็งในเม็ดเลือดก็จะทวีจำนวน ”
(คำปราศัยในการสัมมนาทางการแพทย์ กรุงมอสโคว์1990)
มะเร็งเต้านม
“ สำหรับผู้หญิงอินเดีย จิตสำนึกแห่งพรหมจรรย์เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก ถือกันว่าจะไม่มีสิ่งใดมาทำอันตรายเธอได้ตราบเท่าที่เธอยังรักษาพรหมจารีไว้ แต่ถ้าพวกเธอปราศจากพรหมจรรย์ ความกลัวจะเข้ามาครอบงำอย่างรวดเร็ว ‘มาก’ พรหมจรรย์คือความเข้มแข็งของผู้หญิง ดังนั้นผู้หญิงที่เกิดความกลัว ส่วนมากเป็นเพราะปัญหาพรหมจรรย์ของพวกเธอกำลังถูกโจมตี ผู้หญิงที่ตกใจกลัวว่าพรหมจรรย์ของเธออาจถูกรบกวนจะเริ่มมีปัญหาที่จักราหัวใจ และจะเกิดมะเร็งที่เต้านมขึ้น การหายใจติดขัด และโรคที่น่ากลัวอื่นๆ ในระดับของอารมณ์ด้วย ”
(คำสอนเรื่องจักรหัวใจ เดลี 1/2/83)
มะเร็งในลำคอ
“ ถ้าคุณสูบบุหรี่มาก ศรีวิษณุมายาจะบังเกิดความพิโรธ และท่านเป็นผู้ที่ก่อมะเร็งได้ด้วย ท่านจะทำลายอวัยวะ คอ รวมทั้งหูและจมูกของคุณ ปัญหาที่คอจะเกิดขึ้นเพราะการสูบบุหรี่ เนื่องจากท่านไม่ชอบควันเหล่านั้น…ดังนั้น ถ้าคุณสูบบุหรี่ คุณจะอ่อนแออย่างมากต่อการโจมตีของมะเร็งในลำคอ ”
(ศรีวิษณุมายา บูชา นิวยอร์ค 19/7/92)
“อีกสิ่งหนึ่งที่คนไม่รู้คือเรื่องของมนตรา ศรีวิษณุมายาคือเทพเจ้าแห่งการสวดมนตร์ ท่านให้พลังแก่บทสวดมนตร์ ถ้าคุณไม่มีความเชื่อมโยงกับพลังศักดิ์สิทธิ์นี้ จะเกิดไฟฟ้าลัดวงจรขึ้น บทสวดที่ปราศจากพลังศักดิ์สิทธิ์ทำให้มีปัญหาที่คอ มะเร็งในลำคอ และปัญหาในกระเพาะอาหาร เพราะศรี กฤษณะ (วิศุทธิ)และศรีวิษณุ (นาภี) คือเทพองค์เดียวกัน นอกจากนี้ยังอาจมีปัญหาของวิราฏะด้วย(สหัสราระ)” (นิวยอร์ค 19/7/92)
อ่านประกอบที่โรคลมชัก “การรักษาเช่นเดียวกับโรคมะเร็งและโรคจิตสรีระอื่นๆ” (ศิวราตรี1987)
[หนังสืออ่านประกอบดร.ไร(1993).’สหจะโยคะเพื่อการป้องกันและรักษาโรคมะเร็ง’จากวิทยานิพนธ์ของดร.ไร เรื่อง Medical science enlightened หน้า166-174]
ตับแข็ง
“ ตับแข็งเป็นปัญหาของช่องพลังด้านซ้าย คือการที่ตับทำงานเฉื่อย และทำให้เกิดภูมิแพ้
การรักษาโรคตับแข็ง ให้ยื่นมือซ้ายไปที่รูปภาพของ ศรีมาตาจี และวางมือขวาที่พื้นดิน วางขวดใส่น้ำร้อนบนท้อง หรือเพียงแต่ให้พลังไวเบรชั่น (บันดัน) ที่ตับของคุณด้วยแสงเทียนก็ได้ ” (Rahuri Q&A 13/4/86)
ท้องผูก
“ บุคคลที่พลังด้านขวาไม่สมดุล อวัยวะต่างๆ มักทำงานหนักเกินไป อวัยวะที่ทำงานหนักก่อให้เกิดการกระตุ้นที่หัวใจ ทำให้หัวใจสูบฉีดโลหิตอย่างเร็ว หัวใจจึงสั่น เป็นหอบหืดในปอด และลำไส้เกิดอาการท้องผูก ซึ่งทำให้ตับเสียหายมาก และส่งผลให้ผิวหนังขาดสุขภาพ ผิวจะเป็นสีเหลืองจัด และเป็นคนที่ชอบทะเลาะวิวาท ก้าวร้าว ”
(Sickness and its cure,New Delhi 9/2/83 นิรมลาโยคะเล่มที่25)
“ ความร้อนจากตับในระยะยาวทำให้ปอดผิดปกติ เกิดอาการโรคหืด เมื่อตับไม่ได้รับการหล่อเลี้ยงอย่างพอเพียง ก็จะเริ่มทำงานหนัก ลำไส้ขาดความชุ่มชื้น เป็นสาเหตุของการท้องผูก ” (มอสโคว์ มิย.1990)
“ รู้ไหมว่า อะไรดีที่สุดถ้าคุณท้องผูก หนังสือพิมพ์ธรรมดาๆ นี่เอง อ่านข่าวที่น่าสยดสยองต่างๆ นี่คือวิธีที่แม่เห็นบางคนที่แม่รักษาเขาพูดว่า “เราท้องผูก” แม่จะพูดว่า “ให้อ่านหนังสือพิมพ์ตอนเช้า” (แม่และเด็ก1983)
“ในอินเดีย เรามีวิธีถ่ายท้องหลายแบบ เช่น ajwain ka churan และองุ่นแห้งสีดำ (ลูกเกดสีดำ) ลูกพรุนกับน้ำส้ม หรือต้มน้ำนมดื่มตอนกลางคืน ”
(แม่และเด็ก 1983)
เบาหวาน
“ เบาหวานเกิดจากการกระทำของพลังด้านขวาที่ได้รับผลกระทบจากด้านซ้าย ด้านขวามีความอ่อนแอ เนื่องจากตอนแรกคุณคิดมากเกินไป ไม่มีสติ และไม่เปลี่ยนนิสัยเดิม ดังนั้นปัจจัยความกลัวยิ่งทำให้เราอ่อนแอ เช่น ผู้ชายทำงานที่ใช้ความคิดมากๆ เซลล์ไขมันทั้งหมดของเขาถูกใช้สำหรับสมอง ด้านซ้ายจึงแห้งขอด กลายเป็นคนอ่อนแอ และถ้ามีความกลัวเกิดขึ้น รวมทั้งความรู้สึกผิด คนๆ นั้นก็จะเป็นโรคเบาหวาน ”
“ การแก้ไขคือ สวดมนตร์ด้วยนามของอาลี สาเหตุมาจากสวาธิษฐานและนาภีซ้าย นาภีซ้ายได้รับผลกระทบก่อน เพราะความกลัวภรรยา หรือวิตกกังวลเกี่ยวกับภรรยา หรือสมาชิกอื่นในครอบครัว เมื่อผสมกับความอ่อนแอที่มีอยู่แล้ว จะกลายเป็นเบาหวาน ”
“ทำความสะอาดจักรอักนียะ อย่าคิดมาก ให้ดำรงสภาวะของความมีสติโดยปราศจากการคิด ยกด้านซ้ายมาลงด้านขวา กินเกลือเพิ่มเพื่อให้การขับน้ำตาลเป็นกลาง เพราะมีการตกผลึกเกิดขึ้น วางถุงน้ำแข็งที่สวาธิษฐานและนาภีด้านขวา หลีกเลี่ยงน้ำตาลถ้าจำเป็นหลังจากผลตรวจที่ถูกต้อง ”
(ศิวราตรี 1987)
“ เห็นไหมแม่ได้บอกคุณถึงสาเหตุน้ำตาลในเลือดเกิดจากโรคเบาหวานใช่ไหม? แต่โรคเบาหวานไม่ได้เกิดขึ้นเพราะน้ำตาล เบาหวานเกิดขึ้นเพราะโรคเบาหวาน และการคิดมากเกินไป ” (แม่และเด็ก 1983)
“ มีอีกสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับดวงตาของเราเมื่อจักรสวาธิษฐานอุดตัน จักรนี้อยู่ที่ศีรษะด้านหลังด้วย คืออยู่ ‘รอบๆ’ อักนียะด้านหลัง ดังนั้น เมื่อเป็นเบาหวาน ตาก็จะบอดได้ คุณจะเห็นว่าคนที่เป็นโรคเบาหวานทำให้ตาบอด
การรักษาโรคเบาหวาน ก่อนอื่นต้องรักษาสวาธิษฐาน โดยวางน้ำแข็งรอบๆ สวาธิษฐานด้านหลัง ถ้าสาเหตุมาจากสวาธิษฐานต้องใช้น้ำแข็ง -แต่ถ้าหากเป็นเรื่องอื่น เช่น คนที่ชอบเกี่ยวข้องกับการเข้าทรง การครอบงำโดยวิญญาณเท่านั้นซึ่งไม่เกี่ยวกับโรคเบาหวาน- ต้องใช้วิธีรักษาด้วยเปลวเทียน นีคือวิธีที่เรารักษาจักรอักนียะ ”
(คำสอนเรื่อง จักรอักนียะ ที่เดลี 3/2/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่18)
“ ถ้าผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์คิดมากเกินไป ลูกก็อาจจะเป็นเบาหวานได้ ”
(การสัมมนาทางการแพทย์ที่กรุงมอสโคว์ มิย.1990)
ท้องร่วง
“ ผู้ที่ช่องพลังด้านซ้ายไม่สมดุล มักจะรับประทานอาหารที่ไม่สมดุลโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะโปรตีน และโปรตีนทำให้อ่อนแอจนเกิดอาการกล้ามเนื้อเฉื่อยในทุกทาง ดังนั้น ผู้คนเหล่านี้จะเจ็บป่วยด้วยโรคหวัด และเจ็บป่วยทรมานจากโรคท้องร่วง ทั้งนี้เพราะกล้ามเนื้ออ่อนแอ เมื่อรับประทานอาหารเข้าไป ก็จะถ่ายออกมาหมด ”
(Sickness and its cure,New Delhi 9/2/83)
“ สำหรับผู้ที่อยู่ในสายกลาง (ช่องพลังสุษุมนา หรือความสมดุล) เหมาะสมที่สุดในการเริ่มต้น พวกเขาจะอาเจียนหรือท้องร่วงถ้ารับประทานอาหารตามสถานที่ที่ไม่สมควร และพวกเขาจะไม่รับประทานอาหารที่ไม่ได้รับการให้พลังอย่างถูกต้อง ”
(Sickness and its cure9/2/83)
“ สำหรับเด็กที่ท้องร่วง มีวิธีง่ายๆ คือ ต้มเมล็ดยี่หร่ากับสะระแหน่เข้าด้วยกัน ผสมเข้ากันดีแล้ว ให้เด็กกินพร้อมน้ำตาลเล็กน้อยหรือลูกกวาดหวานๆ วันละ 2-3 ครั้ง เด็กก็จะหายท้องเสีย ” (แม่และเด็ก 1983)
ยาเสพติด
“ ถ้าคุณสูบกัญชา คุณจะถูกฉุดดึงไปที่อิฑานาที (ช่องพลังด้านซ้าย) และอีโก้จะถดถอยไปชั่วขณะ…ยาเสพติดทุกชนิดทำให้คุณห่างไกลจากความมีสติ…คนที่ตกเป็นทาสยาเสพติดและยาต่างๆ ที่แม่เคยพบ น่าสมเพชมาก เมื่อพวกเขามาที่นี่ก็ก้าวหน้าช้ามาก…พวกเขาอ่อนแอและเปราะบางต่อการถูกโจมตีช่องพลังฝั่งซ้าย ”
“ ยาเสพติดไล่โจมตีคุณไปทางซ้าย –นาภี-นาภีซ้าย หรือฝั่งขวาก็ตาม สิ่งที่ผลักคุณไปยังนาภีซ้ายจะทำให้คุณตกต่ำลงไปอย่างมาก แต่บางครั้งคุณก็ยังก้าวร้าว ทั้งๆ ที่คุณอยู่ด้านซ้าย น่าประหลาดจริงๆ ในทันทีทันใด คุณก็กลับงงงันไปอีก…ยาเสพติดสามารถทำให้คนเป็นบ้า-หรือเกิดอะไรขึ้นได้ทั้งนั้น ”
(คำแนะนำการรักษาโรคติดเชื้อไวรัส ปูเณ1/12/87)
บุหรี่
“ ในกระบวนการวิวัฒนาการ มีพืชและสัตว์จำนวนมากที่สูญพันธุ์เพราะความไม่สมดุลในตัวเอง ดังนั้น จึงเข้าไปอยู่ที่จิตใต้สำนึกส่วนรวม และกลับมาในรูปของพลังที่คอยทำร้ายมนุษย์ซึ่งกำลังก้าวหน้าทางจิตวิญญาณ เช่น ทุกวันนี้เราจะเห็นว่ามีเชื้อไวรัสต่างๆ ที่โจมตีเรา ได้แก่พวกพืชที่หลุดออกจากวงจร (สูญพันธุ์) อีกไม่นานคุณจะได้พบว่ายาสูบจะหลุดออกจากวงจร ยาเสพติดต่างๆ ก็จะหลุดออกจากวงจรเช่นกัน ”
(เอกทศฤทธิ บูชา ออสเตรีย 8/6/88)
“ ถ้าคุณสูบบุหรี่มาก ศรีวิษณุมายา จะบังเกิดความพิโรธ และท่านเป็นผู้ที่ก่อมะเร็งได้ด้วย ท่านจะทำลายคอ รวมทั้งหูและจมูกของคุณ ปัญหาที่คอจะเกิดขึ้นเพราะการสูบบุหรี่ เนื่องจากท่านไม่ชอบควันเหล่านั้น…ดังนั้น ถ้าคุณสูบบุหรี่ คุณจะอ่อนแออย่างมากต่อการโจมตีของมะเร็งในลำคอ ”
(ศรีวิษณุมายา บูชา นิวยอร์ค 19/7/92)
แอลกอฮอล์
“ นักบุญทุกท่านในโลกล้วนแต่สอนว่า แอลกอฮอล์เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อชีวิต เหตุผลคือแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่ต่อต้านสติของเรา เป็นเช่นนั้นจริง คุณรู้แล้วว่าหลังจากดื่มเหล้าเราจะมึนงงหรือไม่ก็ฮึกเหิม ไม่เหมือนปกติ จึงเป็นเหตุผลที่นักบุญทั้งหลายสั่งห้าม ”
(2nd Sydney Talk 27/3/81)
“ ความประสงค์ของแม่บังคับพวกคุณอยู่ ถ้าคุณพยายามดื่มเหล้า คุณก็จะอาเจียน ”
(นิรมลาโยคะ เล่มที่12 หน้า25)
“ แอลกอฮอล์ซึ่งคุณรู้อยู่แล้ว ทำให้เกิดความผันแปรแตกต่างกันไปแล้วแต่นิสัยของคน…แอลกอฮอล์เป็นอันตรายมาก เพราะเป็นสิ่งที่ทำลายตับ ทำลายความรู้สึกตัว ทำให้คุณซุ่มซ่าม ทำให้สติของคุณเลอะเลือน…แอลกอฮอล์ทำให้คนเป็นไปต่างๆ นานา และจะสูญเสียธรรมะทั้งหมด ”
(คำแนะนำการรักษาโรคติดเชื้อไวรัส ปูเณ 1/12/87)
“ แม่คิดว่าศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการตระหนักรู้ในตนเองของเราคือการดื่มเหล้า การดื่มเครื่องดองของเมาทำให้คนกลายเป็นทาส สมองไม่ทำงานตามปกติ ดังนั้น สหัสราระต้องถูกทำให้เสียหายไปด้วย การดื่มเหล้าจึงเป็นศัตรูที่ร้ายแรงที่สุด ”
(สหัสราระ บูชา 2001)
โรคผิวหนังอักเสบสาเหตุภูมิแพ้ (Eczema)
“โรคผิวหนังอักเสบก็เช่นกัน เหมือนกับโรคภูมิแพ้ เนื่องจากโรคผิวหนังอักเสบอยู่ภายนอก คุณสามารถใช้ neemkapata หรือจำพวกเดียวกัน แม่ได้บอกคุณว่าคุณสามารถใช้หลายอย่างบนผิวที่อักเสบ
(Rahuri Q & A 13/4/86)
ต่อมไร้ท่อ (Endocrine Glands)
“ต่อมไร้ท่อจะถูกควบคุมโดยระบบจักรเช่นเดียวกัน เช่น เราสามารถพูดได้ว่าจักรมูลาธาระควบคุมลูกหมาก แม้กระทั่งจักรอักนียะควบคุมทั้งต่อมที่ฐานสมองตรงแอ่งของกระดูกและ.........นั่นก็คือวิธีที่สามารถควบคุมอัตตาและเงื่อนไข”
(Q & A, Bharatiya Vidya Bhavan (Delhi?), 22/3/77. Printed in The Life Eternal 1980)
โรคลมชัก หรือ ลมบ้าหมู
“ สาเหตุ – การเคลื่อนไหวของสติไปทางด้านซ้ายสุดขั้ว และคุณเข้าไปอยู่ในสภาวะจิตใต้สำนึกรวม ที่เป็นดังนี้เพราะคุณมีความกลัวหรือตกใจ เพราะเป็นคนอ่อนแอ อยู่ในช่องพลังด้านซ้าย รวมทั้งเมื่อคุณพบเห็นอุบัติเหตุ สิ่งที่น่ากลัวหรือทำให้ตกใจอย่างฉับพลัน
การรักษา-ให้ตั้งสติที่ศูนย์กลาง ขั้นตอนแรกนำสติไปด้านขวาก่อน โดยการสวดกายาตรีมันตรา แล้วจึงมาที่ศูนย์กลางโดยการสวดพรหมเทวา-สรัสวตี เมื่อคุณนำสติไปฝั่งขวาและเริ่มรู้สึกไวเบรชั่น ให้หยุดนิ่ง ไม่ต้องสวดคายตรีมันตราอีก เพราะคุณต้องไม่ไปด้านขวามากเกินไป การไปฝั่งขวามากเกินไปไวเบรชั่นจะลดความถี่ลง การย้ายจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งนั้นต้องมีการปรับสภาพที่ถูกต้องเหมาะสม สำคัญที่คุณต้องรู้สึกไวเบรชั่น ถ้าหากไม่รู้สึก ให้ยกพลังกุณฑลินีขึ้นซ้ำเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้สึกถึงพลังไวเบรชั่น
วิธีที่ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่งคือ ยื่นมือซ้ายที่รูป และวางมือขวาลงบนพื้นดิน สวดมนตร์มหากาลี เพื่อว่าพลังไวเบรชั่นจะเกิดการหมุนเวียน จุดเทียนตั้งไว้ด้านหลังทางฝั่งซ้ายก็จะช่วยได้มาก ” (ศิวราตรี 1987)
โรคตา
“ มีคำสอนว่า ถ้าสายตาของคุณสอดส่ายไปมา อักนียะของคุณก็จะหวั่นไหว
คุณต้องมีตาที่มั่นคงเพื่อถนอมดวงตา สิ่งที่ช่วยให้ความนุ่มนวลแก่ดวงตาคือหญ้าสีเขียว หากคุณเห็นต้นหญ้าสีเขียว จงใช้สายตาเดินไปบนพื้นหญ้านั้น”
(การบรรยายเรื่อง อักนียะ ]vofvo 18/12/78)
“ แม่สังเกตว่า คนจำนวนมากทำให้จักรอักนียะของตนเสียหาย เหตุผลคือคนเหล่านี้ติดตาม หรือคำนับคุรุปลอม หรือก้มกราบสถานที่ผิดๆ เชื้อโรคของดวงตามากมายเกิดจากการปฏิบัติที่ผิดเหล่านั้น ”
(บอมเบย์ 26/9/79 นิรมลาโยคะ เล่มที่24)
“ ถ้าดวงตาของคุณขาดความศักดิ์สิทธิ์ คุณจะได้รับความยุ่งยากเกี่ยวกับตา และดวงตาอ่อนแอ ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าถ้าคุณใส่แว่นตาแล้วตาของคุณจะไม่ศักดิ์สิทธิ์หรือเป็นคนที่ไม่ถูกต้อง กฎของธรรมชาติคือเมื่อคนมีอายุมากขึ้นก็ต้องใช้แว่นเป็นธรรมดา ”
(บอมเบย์26/9/79 นิรมลาโยคะ เล่มที่24)
“…ถ้าเด็กๆ ตาไม่ดี คุณอาจจะเห็นจุดสีดำสองจุด หรือจุดสว่างสองจุด เมื่อคุณหลับตาลง คุณจะเห็นสีอยู่ตรงหน้า ไม่เรียกว่าเป็นสี แต่เรียกว่าขาวแกมเทา ถ้าเด็กมีปัญหาที่ตาคุณจะเห็นจุดดำสนิทสองจุดหรือจุดขาวกลมล้วนสองจุด นั่นคือสัญลักษณ์ของนัยน์ตาเด็กที่มีปัญหา…แต่เมื่อตาของคุณเองไม่ดี เมื่อคุณตั้งสติที่ตนเอง คุณจะพบบ้างเล็กน้อย หรือเมื่อรู้สึกเพลียสายตา คุณก็เห็นภาพจุดสองจุดนั้นได้เช่นกัน… ทีนี้สมมุติว่า ขณะที่คุณมองจุดสองจุดในตาเด็ก ถ้าเห็นจุดสีแดงและมีขนเล็กๆด้วยที่ตัวเด็ก แสดงว่าเด็กกำลังป่วย อาจจะมีเนื้องอกบางแห่ง คุณอาจจะเห็นขนแบบนี้เหมือนรูปหัวใจเล็กๆ หรืออาจจะกลมๆ สีแดง ก็จะรู้ว่าเด็กไม่สบายสุขภาพของเด็กไม่ปกติ”
(แม่และเด็ก 1983)
“การชำระล้างดวงตาอย่างถูกต้อง ให้ใส่ กาจาล (kajal) ซึ่งมีวิธีทำคือ เผาการบูน รวบรวมขี้เถ้าของการบูนใส่ภาชนะที่ทำจากเงิน เพราะภาชนะเงินให้ความเย็น แล้วผสมเนยที่สะอาด หรือ กี ที่สะอาดมากๆ ผสมเถ้าการบูนกับเนยให้เข้ากันดี แล้วใส่ลงในน้ำ ปล่อยให้น้ำทำความสะอาดกาจาลสักครู่ รินน้ำทิ้งจนหมด น้ำจะไม่เกาะเพราะมีเนยเป็นส่วนผสม เก็บใส่ที่เหมาะสม ใช้นิ้ว.......ทาให้เด็กทุกวัน เพราะจะทำให้ตาของเด็กใสและไม่มีปัญหาไปนาน
“ ถ้าจักรอักนียะที่ด้านหลังศีรษะอุดตันหมายถึงการถูกครอบงำทางวิญญาณอย่างแน่นอน ตาก็จะบอดแบบดวงตาเปิด “ในประเทศอินเดียเป็นเรื่องธรรมดาอีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับดวงตาของเรา เมื่อสวาธิษฐานจักรอุดตัน จักรนี้อยู่ด้านหลังศีรษะ คืออยู่ ‘รอบๆ’ อักนียะด้านหลัง ดังนั้น เมื่อเป็นเบาหวาน ตาก็จะบอดได้ คุณจะเห็นว่าคนที่เป็นโรคเบาหวานทำให้ตาบอดด้วย การรักษาโรคเบาหวาน ก่อนอื่นต้องรักษาสวาธิษฐาน โดยวางน้ำแข็งรอบๆ สวาธิษฐานด้านหลัง ถ้าสาเหตุมาจากสวาธิษฐานต้องใช้น้ำแข็ง แต่ถ้าหากเป็นแต่เพียงการครอบงำทางวิญญาณ ซึ่งไม่เกี่ยวกับโรคเบาหวาน ต้องใช้วิธีรักษาด้วยเปลวเทียน
(จักรอักนียะ เดลี 3/2/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่18)
ไขมัน
“คำถาม – ทำไมพระเจ้าจึงสร้าง อีโก้ (อัตตา) และ ซุปเปอร์อีโก้ (เงื่อนไข) ขึ้นในตัวเรา
ตอบ – จากกระเพาะอาหาร Med (เมด) หรือไขมันจะขึ้นไปที่สมอง ผ่านจักรต่างๆ แปรไปเป็นเซลล์สมอง แม้แต่สมองก็เป็นเซลล์ไขมัน ซึ่งเรียกว่า Mendu (เมนดู) ดังนั้น จาก Med กลายไปเป็น Mendu ต้องมีกระบวนการวิวัฒน์ เพื่อให้บรรลุจำนวนที่แน่นอนของจิตสำนึก ความมีสติของมนุษย์”
(การถาม-ตอบ ภารัติยะวิทยาภวัน 22/3/77 พิมพ์ในหนังสือ The life Eternal1980)
“การกินอาหารของคนฝั่งซ้าย – การกินไขมันเป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะไขมันจะถูกกักเก็บและไม่มีการหมุนเวียน สำหรับคนผอม ไขมันในร่างกายของพวกเขามีอยู่ เขาจึงกินไขมันได้ แต่สำหรับคนอ้วน ควรทำเพียงแต่หยอดน้ำมันในจมูก หู เป็นต้น คนอ้วนควรใช้น้ำมันนวดศีรษะจะดีมาก เช่น นวดด้วยน้ำมันใส่ผม โกลเด้น อัมลา (Golden Amla) จะช่วยให้เย็นลง”
(ศิวราตรี 1987)
“ส่วนเรื่องสุขภาพของเขา (เช่น ผู้ที่อยู่ในสายกลาง) จะมีรูปร่างค่อนอ้วน เพราะว่าพวกเขามีแก๊สในตัวมาก แก๊สจำนวนมากซึ่งเป็นปราณศักติ อยู่ในศูนย์กลาง ในพลังปราณ เข้าสู่ช่องพลังชูชุมนา อันจะทำให้ร่างกายเสมือนมีอากาศอัดเข้าไว้ ร่างกายที่อัดแก๊สนี้ไม่หนัก แต่เบามาก พวกเขาจะเดินอย่างรวดเร็ว กระตือรือร้นเสมอ แต่มองดูแล้วเหมือนคนอ้วน หรือถ้าไม่อ้วน พวกเขาก็จะพยายามทำตัวให้ท้วมๆ”
(Sickness and its cure 9/2/83)
ไข้
“อาการไข้มีสาเหตุจากตับผิดปกติ หรือตับทำงานหนักเกินไป ความร้อนก็จะขึ้นสูง แก้ไขโดยวางถุงน้ำแข็งบริเวณตับ ไข้มาลาเรียเป็นเพราะช่องพลังฝั่งขวาไม่สมดุล เช่น ถูกยุงกัด ส่วนไข้ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเป็นเพราะช่องพลังฝั่งซ้ายไม่สมดุล เนื่องจากสาเหตุหลักคือกินอาหารบางอย่างที่เกิดจากเชื้อรา เช่น เห็ด และพาเนียเก่าๆ (paneer) เป็นต้น” (ศิวราตรี 1987)
ไข้หวัดใหญ่
“ไข้หวัดใหญ่เป็นสิ่งที่ยาก สิ่งแรกก็คือ เป็นพลังฝั่งซ้าย อินเดียมียาที่ดี......ใบสะระแหน่ ใช้ใบสะระแหน่หลายๆใบปรุงเข้าด้วยกันซึ่งเป็นส่วนสำคัญ ต้มให้เดือดในหม้อ เอาออกโดยเร็วใส่ชาเข้าไปตามด้วยนํ้า ทำเหมือนเวลาเราทำชา ใส่นมหรือวิธีไหนก็ได้ที่เราชอบ ใส่นมน้อยหน่อยก็ได้ นํ้าตาล เพราะรสอาจจะไม่อร่อย และดื่ม ก่อนหน้านี้คุณต้องเตรียมยี่หร่า (ajwan)เพื่อสูบภายหลัง 3 วันติดกัน คุณก็จะหายและดีขึ้น”
(Rahuri Q & A 13/4/86)
เชื้อรา
“สิ่งที่เลวร้ายที่สุดได้แก่เชื้อรา…เชื้อรามาจากฝั่งซ้าย การโจมตีด้านซ้ายคือการตายทั้งหมด ให้ยื่นมือซ้ายไปที่รูปและวางมือขวาตรงส่วนที่ติดเชื้อรา คุณจะสามารถขับไล่มันออกไปได้ด้วยวิธีนี้ และจงอย่ากินเนยแข็ง เนยที่ขึ้นรา อย่ากินเป็นอันขาด สหจะโยคีทุกคนห้ามกินเนยที่ทำจากเชื้อรา ซึ่งเป็นเนยสีฟ้า เก่าและมีเปลือก หลีกเลี่ยงราทุกชนิด รวมทั้งเห็ด ถ้าเป็นไปได้” (Rahuri Q&A 13/4/86)
พันธุกรรม (ยีนส์)
“วัฒนธรรมอินเดียเป็นวัฒนธรรมที่ลุ่มลึก เราต้องขอบคุณนักบุญทั้งหลายและซูฟีทุกท่าน และอวตารทุกองค์ โดยพื้นฐาน ยีนส์ของเราดีมาก ในสหจะโยคะคุณสามารถเปลี่ยนยีนส์ของตนได้ ยีนส์ของคุณไม่ได้มาจากสิ่งแวดล้อม พ่อแม่ แต่มาจากปฏิกิริยาของคุณที่มีต่อสิ่งต่างๆ ที่คุณพัฒนายีนส์ของคุณขึ้นมา อะไรเกิดขึ้นกับยีนส์ของคุณ คุณกลายเป็นคนที่มีศาสนาอย่างล้ำลึกจากภายใน ความรักที่มีต่อมวลมนุษย์คือศาสนา คุณมีความสุขที่ได้ให้ความรัก”
(สัมมนาแพทย์ที่นิวเดลี6/4/97 พิมพ์ในNew Delhi Medicos13(4-5):32-34)
เกาท์
“โรคเกาท์เกิดจากพลังด้านซ้ายไม่สมดุล ทำให้นิ้วเท้าปวดบวม และไขข้ออักเสบ”
(Sickness and its cure 9/2/83)
ปวดหัว
“ ถ้าคุณทรมานจากการปวดหัว และคุณภาวนาถึงพระเยซูคริสต์ เพื่อขออภัยให้แก่ทุกคนที่ทำให้คุณตกที่นั่งลำบาก คุณก็จะหายจากอาการปวดหัว โดยไม่ต้องใช้ยารักษา แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะปฎิบัติแบบนี้ได้ พลังกุณฑลินีของคุณต้องตื่นขึ้นมาแล้วด้วยการยอมรับสหจะโยคะ และได้รับการตระหนักรู้”
(การบรรยายภาษามารตี26/9/79 แปลเป็นอังกฤษใน นิรมลาโยคะ เล่มที่24)
โรคหัวใจ
(หัวใจวาย) “สาเหตุ –หัวใจทำงานหนัก หรือทำงานเฉื่อยชา
การทำงานมากเกินไปของหัวใจเกิดขึ้นในคนที่อยู่ฝั่งขวา เนื่องจากช่องพลังด้านขวาไม่สมดุล ในกรณีนี้ หัวใจก็จะล้มเหลว แม้คนที่อายุน้อยก็เป็นได้ ทั้งนี้เพราะสติของพวกเขามักออกไปภายนอกมากเกินไป ด้วยเหตุนี้ อาตมันหรือตัวตนภายในจึงเกิดความแตกแยก อาตมันขาดสติคอยดูแล เนื่องจากความสนใจของพวกเขาไปอยู่ที่วัตถุนิยมอย่างสุดขั้ว อีกประการหนึ่ง หัวใจทำงานหนักเกิดขึ้นได้จากความวิตกกังวลเรื่องครอบครัวมากเกินไป ความคิดมุ่งไปในอนาคตมากเกินไป หัวใจจะเริ่มสูบฉีดโลหิตมากขึ้น และทำงานหนักเกินไปในตัวเอง ในที่สุดก็จะเหนื่อยล้า นอกจากนี้ สติไม่ได้อยู่ที่จิตวิญญาณ
หัวใจเฉื่อยชา เกิดขึ้นในคนที่สวดมนตร์มากมายทุกชนิด ทำให้จักรวิศุทธิซ้ายถูกทำร้ายเป็นสิ่งแรก ส่วนคนที่สูบบุหรี่และยาสูบก็เป็นการทำร้ายวิศุทธิซ้ายเช่นกัน ส่งผลให้หัวใจสูบฉีดโลหิตลำบาก เกิดการเหนื่อยล้า เพราะไม่สามารถสูบฉีดได้ วิศุทธิซ้ายขาดสมดุล และหัวใจที่บีบตัวยากทำให้เกิดการหายใจขัดข้อง เป็นหอบหืด
โรคหัวใจมีสองประเภทดังกล่าว
ประเภทแรกรักษาโดยวางถุงน้ำแข็งที่ท้องและจักราหัวใจด้านขวา ยกพลังด้านซ้ายมาลงทางขวา นั่งแช่ในน้ำ นอนในความมืด อยู่ในบ้านมากกว่าออกไปข้างนอก พักผ่อนให้เต็มที่
ห้ามใช้เทคนิคที่เป็นความร้อน เช่น การใช้แสงเทียน
ภาวนาซ้ำๆ ว่า “ข้าพเจ้าคือจิตวิญญาณ” “ข้าแต่พระเจ้า โปรดอภัยให้ลูก”
ประเภทที่สองรักษาโดยให้คนไข้พูดว่า -“คุณแม่ ท่านคือบีชามันตรา ท่านคือเจ้าแห่งมนตรา” และภาวนาด้วยว่า “ข้าพเจ้าไม่มีความผิดใดๆ ทั้งสิ้น” รวมทั้งภาวนาว่า “ข้าแต่พระองค์ ข้าพเจ้าให้อภัยทุกคน” เพื่อว่าความเจ็บปวดทั้งหมดจะสูญสลายไป
ใช้แสงเทียนและไฟ ชำระล้างฝั่งซ้าย
(ศิวราตรี1987)
“ตามหลักของสหจะโยคะ เรามีโรคหัวใจสองประเภท ประเภทหนึ่งคือแบบmassive อีกประเภทหนึ่งคือประเภทเฉื่อยชาเช่นเดียวกับโรคเจ็บบวมในลำคอ(Angina)
ดังนั้น ประเภทแรกคือ massive นั้น คือความร้อนจากตับไปถึงหัวใจ เช่น เด็กชายที่เล่นเทนนิสเมื่ออายุ21หรือ22 และดื่มเหล้า และแข่งขันกับพ่อของเขา ถ้าทำเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง ในวันหนึ่งเขาก็จะเป็นโรคหัวใจแบบmassive โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ทำงานโรงงาน เจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมเป็นคนที่หนักไปในอนาคต มีการคิดคำนวณมากเกินไปจนลืมคำนวณถึงผลที่จะได้รับคือปัญหาด้านโรคหัวใจของพวกเขา ดังนั้น หัวใจจึงล้มเหลวเฉียบพลันและเสียชีวิต
อีกประเภทหนึ่งคือโรคหัวใจแบบเฉื่อยชาเหมือนโรคเจ็บบวมในลำคอ ที่เกิดขึ้นได้ถ้าคุณรู้สึกผิด คนบางคนอ่อนไหวมากและเป็นคนที่เจ้าระเบียบ พวกเขาชอบรู้สึกผิด “ฉันน่าจะได้ทำอย่างนี้”...พวกเขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองผิดสำหรับอะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดspondylitis, คุณได้ก่อสถานการณ์ให้หัวใจของคุณไม่สามารถสูบฉีดโลหิตอย่างถูกต้อง นั่นคือangina.”
(การบรรยายสำหรับแพทย์ที่กรุงนิวเดลี 6/4/97 Transcript in New Delhi Medicos 13(4-5):32-34)
[อ่านประกอบ:
Rai, U.C. (1993) ‘Role of Sahaja Yoga in the treatment and prevention of some heart diseases.’ In his: Medical science enlightened pp175-180]
เอชไอวี/โรคเอดส์
การให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ที่นครซิดนีย์ 1985?
“และดังนั้น เมื่อมูลาธาระเสียหาย สิ่งแรกที่เกิดขึ้นคือคุณได้รับเชื้อโรคที่รู้จักกันว่าเอดส์ และจะได้รับเชื้อโรคทั้งหมดที่เกิดกับกล้ามเนื้อ”
(คำแนะนำในการรักษาการติดเชื้อไวรัส ปูเณ 1/12/87)
[อ่านประกอบ:
Rai, U.C. (1993) ‘Behavioural modification through Sahaja Yoga – a strategy for the prevention of AIDS.’ In his: Medical science enlightened pp181-186. Also in New Delhi Medicos (1997) 13(4-5):48-50]
น้ำตาลในเลือดต่ำ
“น้ำตาลในเลือดต่ำเกิดจากการทำกิจกรรมต่างๆ มากเกินไป คุณไม่ควรคิดมาก จักรอักนียะ การใช้จักรอักนียะมากเกินไป จงปล่อยวางตนเองให้แก่พระคริสต์ โรคนี้จะรักษาได้” (Rahuri Q&A 13/4/86)
หลังการตัดมดลูก
“ในกรณีหลังการตัดมดลูก ซึ่งมดลูกถูกตัดออกไป เป็นปัญหาของศรีคเณศ และพื้นฐานจากความกลัว
(ศิวราตรี 1987)
การมีบุตรยาก
“คนประเภทนั้น (ฝั่งขวา) จะเป็นผู้หญิงที่เป็นหมัน อาจจะไม่มีบุตรเลย ผู้หญิงฝั่งขวานั้นไม่สามารถมีลูก โดยเฉพาะผู้หญิงที่ชอบหว่านเสน่ห์มากๆ และคิดว่าตัวเองสวยมากและยังมีชีวิตที่รีบเร่งทำงานมากด้วย สามารถที่จะกลายเป็นหมันโดยสิ้นเชิง”
(Sickness and its cure นิวเดลี 9/2/83 นิรมลาโยคะ ฉบับที่25)
“ถ้าผู้หญิงบางคนไม่มีลูก แสดงว่ามีปัญหาที่สวาธิษฐานซ้าย”
(ศิวราตรี 1987)
ดีซ่าน – อ่านประกอบที่หัวข้อ ตับ
“ ส่งผลมาจากนาภีขวาและสวาธิษฐานขวา ให้ยกฝั่งซ้ายมาลงทางฝั่งขวา 108 ครั้ง แช่เท้าในน้ำอุ่นพอประมาณ อธิษฐานว่า “คุณแม่ ท่านคือครูของข้าพเจ้าอย่างแท้จริง” กินอาหารสำหรับตับอย่างเคร่งครัดที่สุด 2 สัปดาห์ ทำน้ำชาจากใบสดของหัวผักกาด ใส่น้ำตาลแคนดี้ให้หวาน ดื่มแทนน้ำเป็นเวลา 3 วัน ดื่มน้ำกลูโคสด้วย”
(นายแพทย์ เฮช.เอส.ชาร์มา สหจะโยคะ: the divine path.ฉบับที่2 1993)
โรคเรื้อน
“ ผู้ที่จักรกัลกีอุดตันหมายถึงว่าเขาจะตกต่ำลงด้วยโรคที่ร้ายแรง เช่น มะเร็ง อาจจะเป็นโรคเรื้อน หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าเขาตกอยู่ในภัยพิบัติบางอย่าง”
(คำสอนไม่ทราบวันที่ ศรีกัลกี นิรมลาโยคะเล่ม12 ,1982)
โรคตับ อ่าน ดีซ่าน ประกอบ
โรคตับไม่มีอะไรอื่นนอกจากปัญหาฝั่งซ้าย คือการที่ตับทำงานเฉื่อยชา ทำให้คุณเป็นภูมิแพ้ต่างๆ การรักษาโรคตับ ยื่นมือซ้ายไปที่รูปคุณแม่ วางมือขวากับพื้นดิน(แม่ธรณี) วางกระเป๋าน้ำร้อนบริเวณกระเพาะอาหาร หรือให้พลัง (บันธัน) แก่ตับของคุณโดยใช้แสงเทียน (Rahuri Q&A 13/4/86)
“ทำไมเราจึงเรียกตับว่าลีฟเวอร์(liver แปลว่า ผู้มีชีวิตอยู่) เพราะเรามีชีวิตอยู่ได้ด้วยตับ ตับเป็นสิ่งที่สำคัญมากในสหจะโยคะ แม่รู้ว่าในทางการแพทย์เราไม่มีความรู้เกี่ยวกับตับมากนัก สหจะโยคะสามารถรักษาได้โดยสมบูรณ์ ตับเป็นตัวดูดพิษทั้งหมดแล้วปล่อยเข้าไปในเลือด
คนประเภทที่ใช้ความคิดเสมอๆ นั้น พลังงานทั้งหมดของเขาไปที่สมอง ส่วนอวัยวะอื่นๆ ถูกละเลย สิ่งแรกที่ได้รับผลกระทบคือตับ ตับที่เสื่อมเป็นเพราะไม่สามารถปลดปล่อยความร้อนซึ่งเป็นพิษของร่างกายออกไปได้ ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือความร้อนเริ่มขึ้นสูง ถ้าความร้อนนี้ขึ้นไปทางฝั่งขวาก็จะไปยังจักรหัวใจขวา ซึ่งควบคุมปอดอยู่ บุคคลผู้นั้นก็จะเป็นโรคหอบหืด จากนั้นความร้อนจะลงไปที่ไต ด้วยความร้อนนี้ไตจะจับตัวเป็นก้อนแข็งและคุณต้องการ dialysis ไม่อย่างนั้นก็เสียชีวิต แต่”
(การบรรยายสำหรับแพทย์ที่นิวเดลี 6/4/97 Transcript in New Delhi Medicos 13(4-5):32-34)
ปวดหลัง
“สำหรับอาการปวดหลัง you give ajvain ka pani. สำหรับการปวดกล้ามเนื้อที่หลัง ใช้ Ajvain for intake and gaeru (for application only). ในการปวดหลัง กระดูกมีการบิด เพราะฉะนั้น ให้ใช้น้ำมันเคโรซีนที่ให้พลังแล้วผสมกับน้ำมันอื่น ก็จะหายภายในสองสามวัน
(ศิวราตรี พ.ศ.2530)
มาลาเรีย
“สาเหตุของไข้เกิดขึ้นกับผู้ที่ liver is out หรือใช้งานตับมากเกินไป เขาจะมีความร้อนขึ้นสูง สามารถแก้ไขด้วยการวางน้ำแข็งที่ตับ ไข้มาลาเรียเป็นโรคของฝั่งขวา เช่น ยุงกัด ไข้ที่เกิดจากแบคทีเรียมาจากทางด้านฝั่งซ้าย
(ศิวราตรี 1987)
วัยทอง
[a pilot study การศึกษาโดยใช้สมาธิแบบสหจะโยคะ] “ผลลัพธ์ที่ได้เป็นที่น่าพอใจมาก ในผู้หญิงทั้งหมดที่ได้รับการปรับสภาพให้ดีขึ้น ตามความเป็นจริง สตรี 9 ใน 10 คนได้รับรายงานว่าอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ ลดความถี่ของอาการร้อนวูบวาบในวัยหมดประจำเดือน หกคนในจำนวนนี้มีอาการดีขึ้น 65-70 เปอร์เซ็นต์ หลังจากการรักษาโดยฝึกสมาธิเป็นเวลา 8 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับผลที่ได้จากการรักษาโดยใช้ฮอร์โมนทดแทนตามวิธีปฏิบัติเดิม
(Dr.R.Manocha. ‘Researching meditation: clinical applications in healthcare. Diversity (Australian Complementary Health Association) June 2001;2(5):2-10)
ปัญหาของระดูหรือประจำเดือน
“ถ้าบางคนไม่มีลูก แสดงว่าเธอมีปัญหาที่สวาธิษฐานฝั่งซ้าย ปัญหาเดียวกันนี้เป็นได้ด้วยสำหรับช่วงที่ประจำเดือนมามาก เมื่อมีสิ่งกระตุ้นมากเกินไปในพาราซิมพาเธติค ในบริเวณกระเบนเหน็บ มีผลให้เสียเลือดมากเกินไป ผลข้างเคียงคือท้องร่วงและปัสสาวะบ่อยมาก
การรักษา: ในขั้นต้นให้สวดมนตร์กายาตรีมันตราไปก่อน แต่ต้องเสริมด้วยการใช้ยาทางแพทย์ และสามารถใช้ใช้อาชวันกีธุนีได้ (แม้แต่รายที่ผ่าตัด)
(ศิวราตรี 1987)
ปัญหาโรคจิต
“นอกเหนือไปจากนั้น (โรคทางร่างกาย) เรายังมีโรคทางจิตที่เกิดกับผู้คน เช่น คนที่อยู่ฝั่งซ้ายจะมีปัญหาทางจิต เช่น เขาจะเป็นคนที่หลบๆ ซ่อนๆ มีเลศนัย เป็นคนที่ตกใจง่าย ไม่พูดคุยกับคนอื่น ตื่นเต้นง่าย ไม่เชื่อมั่นในตนเอง หนีสังคม และถึงขั้นเป็นโรคจิตเภทที่ชอบอยู่เฉยๆ ไม่ยอมทำงานการภายในบ้าน กลายเป็นมนุษย์ผัก เป็นโรควิกลจริตชนิดหนึ่ง”
(Sickness and its Cure นิวเดลี 9/2/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่25)
“… คนอเมริกันตกอยู่ในปัญหาที่มีลักษณะร้ายแรงมากของโรคภัยที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งแม่เคยทำนายไว้ สองอย่างด้วยกัน อย่างหนึ่งมาจากโรคเอดส์ และอีกอย่างหนึ่งซึ่งสมองขาดสติไป ทำให้วิกลจริตตั้งแต่อายุยังน้อยมาก”
(คำสอน ช่วงเย็นก่อนดิวาลี1985)
[อ่านประกอบ:
MORGAN, A. (2000) ‘Sahaja Yoga: an ancient path to modern mental health’ Transpersonal Psychology Review Dec 2000]
เส้นเลือดแข็งหรือตีบตัน
ข้อติดแข็งหลายระบบ
“ข้อติดแข็งหลายระบบมาจากมูลาธาระ มูลาธาระและนาภี นาภีซ้ายและมูลาธาระ เป็นปัญหาฝั่งซ้ายมากกว่า ให้การรักษาที่ฝั่งซ้าย สวดมนตร์ชื่อของศรีคเณศและเการี จะได้ผลดี”
(Rahuri Q&A 13/4/86)
ปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับกล้ามเนื้อ
ดูความเห็นในหัวข้อ ลมบ้าหมู : “ใช้วิธีรักษาเดียวกันกับการรักษามะเร็ง และโรคทางกายที่มีผลมาจากจิต รวมทั้งโครงสร้างของกล้ามเนื้อที่ผิดปกติ ในปัญหาของกล้ามเนื้อ โรคนี้มาจากการที่ศรีคเณศของคุณถูกรบกวน”
(ศิวราตรี1987)
“เมื่อพลังไวเบรชั่นไหลเวียน พลังนี้จะไปช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ในความเป็นจริงกล้ามเนื้อจะหดตัวเนื่องมาจากความเครียด เช่น วิชชุดีซ้าย กระดูกสันหลังจะเริ่มบิด (ทางกายภาพ) เมื่อคุณปล่อยวางจักระของคุณให้แก่แม่ (ในความดูแลของแม่) กล้ามเนื้อของคุณก็จะผ่อนคลายและคุณสามารถปรับโดยการให้พลังไวเบรชั่น ไวเบรชั่นเหล่านี้สามารถให้แก่ผู้อื่นได้ คุณไม่จำเป็นต้องถูกตัวผู้อื่น แต่ให้พลังโดยใช้มือหมุนเป็นวงและสวดมนตร์”
(ศิวราตรี 1987)
“และเมื่อมูลาธาระละทิ้งคุณไป สิ่งแรกที่เกิดขึ้นคือคุณจะเป็นโรคที่รู้จักกันในชื่อเอดส์ แต่คุณจะได้รับเชื้อโรคทั้งหมดที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อด้วย กล้ามเนื้อจะเริ่มอ่อนแอและมีอาการอื่นๆ ตามมา
(คำแนะนำในการรักษาการติดเชื้อไวรัส ปูเณ 1/12/87)
อัมพาต
[การอภิปรายคนที่อยู่ฝั่งขวา] “ที่ระดับของสมองพวกเขากลายเป็นคนที่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง อีโก้ไปที่ระดับนั้นซึ่งทำให้ถึงขั้นเป็นอัมพาต อัมพาตเป็นไปได้ทั้งสองกรณี แม้แต่คนที่อยู่ฝั่งซ้ายก็สามารถเป็นได้หรือคนฝั่งขวาก็เป็นได้ แต่โดยหลักใหญ่แล้ว ผู้คนมักจะเป็นอัมพาตบนฝั่งขวา โรคนี้มาจากฝั่งซ้ายแต่ส่งผลไปที่ด้านขวาของร่างกาย”
(Sickness and its Cure นิวเดลี 9/2/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่25)
“…คนอเมริกันตกอยู่ในปัญหาที่มีลักษณะร้ายแรงมากของโรคภัยที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งแม่เคยทำนายไว้ สองอย่างด้วยกัน อย่างหนึ่งมาจากโรคเอดส์ และอีกอย่างหนึ่งซึ่งสมองขาดสติไป ทำให้วิกลจริตตั้งแต่อายุยังน้อยมา โรคที่สามที่แม่ได้บอกพวกเขา กำลังจะมาในเร็วๆ นี้ ซึ่งผู้คนที่ทุกข์ทรมานจากอีโก้จะถูกอีโก้ยึดครอง ในกรณีนั้นจิตสำนึกจะถูกควบคุมโดยอีโก้ หมายถึงว่าโดยจิตใต้สำนึกคุณสามารถเดิน สามารถเคลื่อนไหวไปไหนก็ได้ แต่โดยความรู้สึกตัว๕ณไม่สามารถแม้แต่จะขยับนิ้วมือ หมายถึงคุณจะเคลื่อนที่ไม่ได้โดยสิ้นเชิง โลกตะวันตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก เพราะทางตะวันตกเท่านั้นที่คุณจะพบเชื้อโรคที่น่ากลัวที่เรียกว่าการเหยียดผิว คนที่คลั่งการถือสีผิวทั้งหมดจะเป็นพวกแรกที่เป็นอัมพาตอย่างเต็มรูปแบบ
(คำสอน ตอนค่ำก่อนดิวาลี1985)
โรคโปลิโอ
(คำอธิบายคนที่อยู่ฝั่งซ้ายและปัญหาของพวกเขา) “ มะเร็งและโรคกล้ามเนื้อmuscular discrepancies และอ่อนแอ ซึ่งกล้ามเนื้อค่อยๆ อ่อนแรงไปจนหมด และอาการอักเสบของไขกระดูก ไขสันหลังอักเสบโปลิโอ สิ่งต่างๆ ที่เฉื่อยชาเหล่านี้ทั้งหมด…”
(Sickness and its Cure นิวเดลี 9/2/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่25)
เกลือ
“ เป็นความคิดที่น่าขันมาก ที่จะไม่ให้กินเกลือ ทุกคนเป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือ รู้ไหมว่า ปราศจากเกลือคุณจะไม่สามารถหายใจ ถามหมอคนไหนก็ได้ ถ้าไม่มีโซเดียมคลอไรด์ในเลือดของคุณ การหายใจของคุณจะลดต่ำลง สิ่งเหล่านี้เป็นหลักสำคัญสำหรับชีวิตแต่ทุกอย่างไม่มากเกินไป เกลือมีความจำเป็นในอาหาร แม่หมายความว่าความคิดที่น่าขันเหล่านี้เกิดขึ้นมา...เกลือสำคัญมากสำหรับฟัน สำหรับทุกอย่าง ”
(คำสอนให้แก่แม่และเด็ก1983)
โรคผิวหนัง
“ ผู้คนแบบนั้นทั้งหมด (คนที่อยู่ฝั่งขวา)มีอวัยวะที่ถูกกระตุ้นมากเกินไป เนื่องจากอวัยวะต่างๆ ที่ถูกเร่งทำให้เกิดผลเสียแก่หัวใจ ซึ่งถูกกระตุ้นในการสูบฉีดโลหิตอย่างเร็ว เกิดการเต้นของหัวใจเร็วผิดปกติ ในปอด เกิดโรคหอบหืด ในลำไส้เกิดโรคท้องผูก ตับผิดปกติอย่างรุนแรงและผิวหนังจะเสื่อมสุขภาพอย่างมาก ผิวจะเหลืองซีด และคนแบบนั้นจะชอบทะเลาะวิวาทมากๆ รวมทั้งก้าวร้าว”
(Sickness and its Cure นิวเดลี 9/2/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่25)
ไขสันหลังอักเสบ
“โรคไขสันหลังอักเสบเกิดจากวิศุทธิฝั่งซ้าย และวิศุทธิฝั่งขวาก็เป็นได้ด้วย แต่ส่วนมากจะมาจากวิศุทธิฝั่งซ้ายที่ทำให้เป็นโรคไขสันหลังอักเสบ อาจเป็นได้ว่าทั้งสองด้านรวมกัน
(Rahuri Q&A 13/4/86)
ความเครียดที่ทำให้จิตแปรปรวน
“ ปัญหาตามปกติคือความเครียด ทำไมจึงมีความเครียด ซึ่งคุณควรจะรู้ไว้ อิฑาและปิงคละคือทางเดินของพลังสองด้านและพลังทั้งสองเดินทางไปไขว้กันที่ระหว่างคิ้ว ปิงคละนาฑี(ซิมพาเธติคขวา)สร้างลูกโป่งของอีโก้ อิฑานาฑี(ซิมพาเธติคซ้าย)สร้างลูกโป่งของซุปเปอร์อีโก้(เงื่อนไข)เมื่อคุณไปฝั่งขวามากเกินไป อีโก้จะเคลื่อนย้ายไปครอบคลุมฝั่งซ้าย ทำให้เกิดการอุดตันขึ้น ปัญหาใดก็ตามที่คุณมีจะไม่สามารถผ่านร่างกายคุณออกไปได้ ดังนั้น คุณก็จะอ่อนแอลงไปอ่อนแอลงไป นั่นคือสาเหตุที่คุณเกิดความเครียด”
(การบรรยายสำหรับแพทย์ที่นิวเดลี 6 เมษายน2540 Transcript in New Delhi Medicos 13(4-5):32-34)
อ่านประกอบ:
[see also Chug, D., et al. (1989) ‘ New insights into the aetiopathogenesis of essential hypertension and role of Sahaja Yoga in its treatment and prevention’ Proceedings of the XIIth International Union of Physiological Sciences Conference, Kupio, Finland, 3rd March 1989
Rai, U.C., et al (1988) ‘Some effects of Sahaja Yoga and its role in the prevention of stress disorders’ Journal of the International Medical Sciences Academy 2(1):19-23. Reprinted in Stress management through Sahaja Yoga. 2nd ed (1995):23-30; also in New Delhi Medicos (1997) 13(4-5):35-38]
น้ำตาล - อ่านที่โรคเบาหวาน
ภาวะของอาการบวม
“อีกปัญหาหนึ่ง (ผู้ที่อยู่ในช่องพลังกลาง) ที่อาจเกิดขึ้นถ้าพวกเขารับไวเบรชั่นไว้มากเกินไป พวกเขาอาจจะมีการบวมตามร่างกาย ในสถานการณ์นี้ ก่อนอื่นพวกเขาควรค้นหาดูว่าพวกเขาอยู่ในที่ที่มีเพื่อนบ้านบางคนเป็นพวกต่อต้านสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ เพราะการบวมแบบนั้นจะเกิดขึ้นมาเมื่อพลังไวเบรชั่นกำลังต่อสู้กับกิจกรรมที่ต่อต้านสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของคนที่อยู่กับคุณ เช่น ภรรยามีพลังไม่ดี คนๆ นั้นอาจจะมีอาการบวมเกิดขึ้นเพราะไวเบรชั่นของเขาต่อสู้กับหญิงผู้เป็นภรรยา เขาไม่ควรเอาใจใส่กับการต่อสู้ แต่เขาต้องรู้วิธีแก้ไขภรรยา เขาต้องรู้วิธีทำให้เธอถูกต้อง หรือถ้าฝ่ายชายเป็นเช่นนั้น ภรรยาอาจจะเกิดการต่อต้านพลังร้ายภายในตัวเธอซึ่งทำให้เธอมีภาวะอาการบวม การบวมประเภทที่แตกต่างออกไปอาจเกิดขึ้นโดยการพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงสุดของพลังไวเบรชั่น
(Sickness and its Cure นิวเดลี 9/2/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่25)
“บริเวณหน้าผากทั้งหมด ถ้าเต็มไปด้วยการบวมแล้วเราต้องรู้ว่าจักรกัลกีหลุดจากระเบียบ ถ้าจักรนี้ออกจากความเป็นระเบียบแล้วบุคคลจะเกี่ยวข้องเข้าไปในภัยพิบัติอย่างเลวร้าย เป็นสัญลักษณ์บนตัวบุคคลเมื่อเขากำลังจะได้รับสิ่งนั้น เมื่อจักรกัลกีอุดตัน นิ้วทุกๆ นิ้วของคุณจะร้อนราวกับถูกเผาไหม้ บนฝ่ามือและในเวลาเดียวกันในร่างกายคุณจะร้อนอย่างน่ากลัว จักรกัลกีของบุคคลอุดตันหมายถึงว่าเขาจะตกต่ำด้วยโรคร้าย เช่น มะเร็ง อาจจะเป็นโรคเรื้อนหรืออาจจะกำลังเข้าสู่ความล้มเหลวในวิบัติภัย
(คำสอนไม่ทราบวันที่ ศรีกัลกี นิรมลาโยคะ เล่มที่12, 1982)
“เมื่ออีโก้(อัตตา)ของคุณเกิดมีขึ้น อีโก้ที่ใหญ่โตมากๆ คุณจะพบก้อนขนาดใหญ่ออกมาจากด้านซ้าย ก้อนใหญ่มาก ตรงนี้ หรือคุณมีซุปเปอร์อีโก้(เงื่อนไข)คุณก็จะพบสิ่งที่เป็นก้อนงอกจากสมองบนด้านขวา ดังนั้น บนทั้งสองด้านคุณอาจจะได้รับทั้งสองอย่าง ถ้าระบบประสาทซิมพาเธติคทั้งสองถูกกระตุ้นมากเกินไป ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่เข้ากลุ่มอย่างมาก คุณอาจจะมีก้อนตรงนี้ ดังนั้น คุณอาจจะถูกทุกสิ่งบรรจุเข้าไปด้วยอีโก้ ซุปเปอร์อีโก้ของคุณ และศูนย์กลางของวิราฏะนี้ก็จะเป่าลมเพิ่มเข้าไปอีกในทางที่บางครั้งทำให้บุคคลหน้าบวมราวกับตัวประหลาด
(เอกทศฤทธิ บูชา 17/9/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่ 21)
“เอกทศฤทธิแสดงตนอยู่บนหน้าผากของคุณและคุณจะมีอาการบวมบริเวณนี้...คนไข้มะเร็งส่วนใหญ่ ถ้าคุณเห็นพวกเขา พวกเขามี จากฝั่งซ้ายขึ้นไปที่ฝั่งขวาอย่างมากมาย หรือมีก้อนบวมทางด้านขวา” (เอกทศฤทธิ บูชา ออสเตรีย 8 /6/88 )
“ เมื่อจักราหนึ่งถูกทำให้อุดตัน คุณจะพบว่ามีสิ่งที่เป็นก้อนบวมออกมาในด้านขวา ดังนั้น คุณต้องอ่านชื่อของ มหาวีระ เพื่อขจัดความกดดันจากฝั่งซ้าย ”
( มหาวีระบูชา เพิร์ธ ออสเตรเลีย 28/3/91)
เสียงดังในหู
[alternative hand over opposite ear, with the other hand towards the outside, changing after a period – reply to Melbourne yogi, 1995]
ทอนซิล
“และมีอีกอย่างหนึ่งซึ่งบางทีพวกคุณไม่รู้ เราใช้นิ้วโป้ง นิ้วหัวแม่มือที่สะอาดมาก เราใช้ยาฆ่าเชื้อโรคทาด้วยวิธีนี้และกดลงบนทอนซิลทั้งสองข้างและข้างบนด้วย ด้วยเหตุนั้น แม่ไม่เคยมีทอนซิลอักเสบเลย แม่ไม่เคยป่วยเพราะทอนซิล ทอนซิลจะไม่สามารถโตหลังจากที่ทำดังนั้น เพียงแต่ทอนซิลไม่สามารถโตได้และเหนือขึ้นไปเป็นส่วนที่เรียกว่า”อูวูล่า”ก็ไม่โต (หรืออักเสบ)ด้วย ดังนั้น ไม่มีปัญหานั้น เป็นสิ่งที่ธรรมดามากที่ใช้กับเด็กๆ” (คำสอน แม่และเด็ก 1983)
วัณโรค
“ถ้าปอดของคุณเฉื่อย คุณก็จะได้รับเชื้อโรค เช่น ทีบี วัณโรค วัณโรคมาจากฝั่งซ้าย”
(Sickness and its Cure นิวเดลี 9/2/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่25)
เส้นเลือดขอด
“เส้นเลือดขอดเกิดจากการยืนมากเกินไปตลอดเวลาและทำงานหนักมาก เมื่อใดที่เริ่มเป็น รักษาเลยดีกว่า คุณต้องนอนราบทุกวัน คนที่ยืนทุกวันเป็นเวลากว่าสามหรือสี่ชั่วโมงควรนอนราบบนเตียงและยกขาทำท่าเหมือนถีบจักรยานซึ่งจะช่วยได้ อาจจะลดน้ำหนักตัวลง เพราะสาเหตุมาจากน้ำหนักตัวด้วย บางคนน้ำหนักมาก แต่คนที่ยืน แม่เคยเห็นคนที่ยืนนานๆโดยไม่วางส้นเท้าราบ ถ้าคุณใช้ส้นเท้าอาจจะดีขึ้น ส้นเท้าราบกับพื้นทำให้แรงกดลงไม่มาก และน้ำหนักจึงกระจายมากกว่าไปที่ส่วนล่าง จักราทั้งห้าเหล่านั้นที่ต่ำลงไป นั่นอาจจะช่วยได้ แต่ที่ดีที่สุดคือการออกกำลังกายหลังยืนมานาน แค่นอนบนเตียงถีบจักรยานลม และนวดด้วย นวดช้าๆ ลงไป การใช้ก้อนน้ำแข็งก็ได้ผลดี วางน้ำแข็งก่อนการนวด คุณสามารถที่จะวางน้ำแข็งแล้วใช้น้ำมันเย็นจัดถูลงไปจะได้ผล”
(Rahuri Q&A 13/4/86)
เชื้อไวรัส
“ในเชื้อโรคจากฝั่งซ้าย คุณเข้าสู่จิตใต้สำนึกส่วนรวม จากที่นั่นคุณรวบรวมโปรตีน52 ไวรัสต่างๆ เหล่านี้บางครั้งทำให้ช่วยเหลือไม่ได้เลย”
(ศิวราตรี 1987)
“ในกระบวนการของวิวัฒนาการมีพืช สัตว์ จำนวนมากที่สูญพันธุ์ไปเพราะไม่อยู่ในความสมดุล...ดังนั้น สิ่งเหล่านี้ได้เข้าสู่จิตใต้สำนึกของส่วนรวมและมาในฐานะของสิ่งที่มีตัวตนที่ละเอียดขึ้นเพื่อที่จะทำร้ายผู้ที่กำลังก้าวขึ้นระดับสูง เช่น เราจะเห็นว่าสมัยนี้ไวรัสต่างๆ ที่โจมตีเรา เหล่านี้คือพืชพวกที่หลุดออกจากวงจร”
(เอกทศฤทธิ บูชา ออสเตรีย 8/6/88)
“ไวรัสมาจากฝั่งซ้าย พวกเชื้อโรคนี้คือสิ่งที่ตายไปและเข้าสู่จิตใต้สำนึกของส่วนรวม”
(คำบรรยาย Medical Conference ที่มอสโคว มิถุนายน 1990)
“ถ้าคุณเข้าใจอย่างแท้จริงในวิธีที่แม่เรียกว่าการเป็นส่วนหนึ่ง-ซึ่งเป็นโพธะ-ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบประสาทของคุณ แล้วจะไม่มีเชื้อไวรัสสามารถโจมตีคุณได้ ไม่มีสิ่งใดจะมาทำให้คุณยุ่งยากได้ และแม้ถ้าสิ่งนั้นโจมตีคุณ ก็จะมาช่วงสั้นๆ และจะหนีไป...แต่เชื้อนั้นจะไม่อยู่ในร่างกายของคุณ ไม่สามารถอยู่ได้นาน …”
(คำแนะนำในการรักษาเชื้อไวรัส ปูเณ 1/12/87)
“ถ้าบางคนมีไวรัส คุณอาจให้ยาปฏิชีวนะหรือสิ่งใดก็ตามจะช่วยไม่ได้ สหจะโยคะเท่านั้นที่จะขับไล่เชื้อออกไปได้ เพราะสหจะโยคะสามารถทำงานในช่องพลังฝั่งซ้าย (ไวรัสเป็นปัญหาของฝั่งซ้าย)”
(การบรรยายสำหรับแพทย์ที่นิวเดลี 6/4/97 Transcript in New Delhi Medicos 13(4-5):32-34)
Compiled by John Noyce, Melbourne, Australia. Version 2.2, September 2001.
This draft is only for use within Sahaja Yoga. It is inappropriate for new people.
No responsibility taken for inappropriate use of the advice contained herein.
Additions very welcome: johnnoyce@hotmail.com
Copyright of extracts: Shri Mataji Nirmala Devi and Life Eternal Trust
สหจะ โยคะ คำอธิบายสาเหตุของโรคต่างๆ และการบำบัดรักษา
รวบรวมจากการบรรยายและข้อเขียนของ ศรีมาตาจี นิรมลา เทวี
และงานวิจัยทางการแพทย์ของสหจะโยคี
โรคภูมิแพ้
“ คนที่ขาดสมดุลในช่องพลังด้านซ้าย หรือเรียกว่าคนฝั่งซ้าย เป็นเพราะตับทำงานเฉื่อย ทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ ภูมิแพ้ทุกชนิดเกิดจากอาการเฉื่อยชาของตับ ”
(Sickness and its cure,นิวเดลี 9/2/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่25)
“ทำไมเด็กจึงเป็นโรคภูมิแพ้…เพราะนาภีซ้ายอุดตันซึ่งเกิดจากแม่ของเด็ก เนื่องจากเด็กมิได้มีปัญหาครอบครัว ดังนั้น แม่ของเด็กจึงเป็นต้นเหตุ เพราะแม่ของเด็กขาดสมดุลที่จักรนาภีด้านซ้าย เด็กๆ จึงเกิดการอุดตันไปด้วย ทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ ไม่ควรโทษเด็ก แต่ต้องรักษานาภีซ้ายทั้งแม่และลูก...เราจะช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ในเด็กได้อย่างไร ง่ายมาก ไม่ว่าสิ่งใดที่เป็นการอุดตันฝั่งซ้าย สามารถแก้ไขด้วยเปลวไฟเล็กๆ เพียงแค่วางมือขวาของคุณที่นาภีซ้ายของลูกและยื่นมือข้างซ้ายของคุณไปที่แสงเทียนเท่านี้เอง ”
(Rahuri Q&A 13/4/86)
คำถาม ทำไมนมวัวจึงทำให้โรคภูมิแพ้และโรคผิวหนังอักเสบสาเหตุจากภูมิแพ้เป็นมากขึ้น “นมวัวให้พลังทางด้านซ้ายมากเกินไป เนื่องจากน้ำนมได้มาจากแม่วัว คุณไม่ควรดื่มนมวัวหรือนมควาย เพราะช่องพลังด้านซ้ายจะไม่สมดุล ทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ แต่ถ้าสัตว์ที่ให้นมมีขนาดตัวเล็กกว่าเรา เช่น ถ้าคุณดื่มนมแพะ ตามแบบมหาตมะ คานธี ก็อาจจะไม่มีปัญหาใดๆ ”
(Rahuri Q&A 13/4/86)
“ภูมิแพ้ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากการเปลี่ยนอุณหภูมิร้อน-เย็นต่อร่างกายอย่างฉับพลัน เช่น อาบน้ำเย็นและน้ำร้อนสลับกัน ดื่มกาแฟร้อนแล้วดื่มน้ำเย็นจัดทันที การเปลี่ยนอุณหภูมิอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ระบบภายในร่างกายไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ในบริเวณนาบีจักราด้านซ้ายมีอวัยวะสำคัญคือม้าม ม้ามเป็นเครื่องตรวจวัดความเร็วและมีหน้าที่ปรับสภาพด้วย เมื่อไม่สามารถปรับร่างกายได้ทันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหัน จึงเกิดปัญหาขึ้น ม้ามจะต้องดึงพลังงานมาใช้ทั้งเพิ่มและลดการไหลเวียนของเม็ดเลือดแดง เป็นการทำงานที่สับสนวุ่นวายมาก ” (ศิวราตรี 1987)
อัลไซเมอร์ ( ความจำเสื่อม )
“ ปัจจุบันนี้มีโรคใหม่ที่พวกคุณรู้จักคือ อัลไซเมอร์ อะไรเป็นสาเหตุของโรค
คนที่ก้าวร้าว รุนแรง ทารุณคนอื่น เมื่อถึงวัยชรา สมองของเขาจะอ่อนแอลง และสมองส่วนที่ด้อยคุณภาพนั้นจะสั่งงาน โดยคนๆ นั้นไม่รู้ตัว และโรคนี้ไม่สามารถรักษาได้ แต่ถ้าหากในชีวิตนี้คุณได้รับการตระหนักรู้ และคุณมีความสงบสุขอย่างสมบูรณ์ภายในตนเอง โรคนี้จะไม่กล้ำกรายคุณเลย อัลไซเมอร์ไม่สามารถรบกวนคุณได้ และคุณจะเป็นคนที่เต็มไปด้วยความรัก ความสวยงาม” (Royal Albert Hall, London, 5/7/98)
โรคหืดหรือหอบหืด
“โรคหอบหืดเป็นโรคที่เกี่ยวกับหลอดลม มีสาเหตุจากความผิดปกติของจักรหัวใจซ้ายและขวาประกอบกัน ถ้าพ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยๆ หรือหย่าร้าง การขาดความมั่นคงในความรักจากพ่อแม่ทำให้เป็นโรคหืดหลอดลม ”
(Rahuri Q&A 13/4/86)
“ โรคหืด ส่วนใหญ่เป็นโรคทางกายซึ่งมีสาเหตุจากจิตใจ เนื่องจากช่องพลังด้านซ้ายไม่สมดุล แต่บางครั้งก็เกิดขึ้นกับคนที่ขาดสมดุลในช่องพลังด้านขวาซึ่งเป็นคนที่แข็งกระด้างและมักพยายามวางอำนาจเหนือผู้อื่น-เนื้อเยื่อใสที่บุเคลือบอวัยวะในช่องท้องขาดความชุ่มชื้นอย่างหนัก ”
“ สาเหตุที่ทำให้จักรหัวใจด้านขวาอุดตันคือ เด็กที่พ่อเสียชีวิต หรือเมื่อคุณเป็นพ่อแต่ไม่ทำหน้าที่พ่อที่ดี หรือคุณทำร้ายลูก หรือคุณขาดความสุขภายในตนเอง หรือหลายสาเหตุข้างต้นผสมกัน” (ศิวราตรี 1987)
ศีรษะล้าน
“ ศีรษะล้าน เนื่องจากไม่ใช้น้ำมันใส่ผม หรือใช้น้ำมันไม่ถูกต้อง การใส่น้ำมันควรทำอย่างถูกต้อง และนวดให้ถึงกะโหลกศีรษะไม่ใช่แค่หนังศีรษะ ในเวลาเดียวกัน เมื่อคุณนวดลงไปที่กะโหลกศีรษะ ผิวหนังบริเวณนั้นก็จะเคลื่อนไหวไปด้วย แล้วคุณจะไม่มีปัญหาเรื่องศีรษะล้าน แต่ถ้าหากว่าคุณใช้น้ำมันใส่ผมที่เติมน้ำหอมและน้ำมันเข้มข้นอย่างมาก ศีรษะก็อาจจะล้าน และในการนวดศีรษะไม่ต้องใส่กี (เนยบริสุทธิ์) …”
“ ศีรษะล้านมีสองประเภท ประเภทหนึ่งเริ่มจากด้านหน้า อีกประเภทหนึ่งที่ด้านหลัง และบางคนเป็นทั้งสองแบบ คนที่ศีรษะล้านจากด้านหน้าคือคนที่มีปัญหาเอกทศฤทธิ เมื่อปัญหาเอกทศฤทธิเริ่มขึ้น ศีรษะจะเริ่มล้าน หรือคนที่ไม่ชอบเข้ากลุ่ม ผมจะเริ่มน้อยลงทางด้านหน้า ส่วนศีรษะที่ล้านด้านหลังคือผู้ที่อาจจะไม่ใช่สามีที่ดีนักหรือมีความผิดปกติบางอย่างที่ภรรยา เช่น ภรรยานิสัยไม่ดีมากๆ หรือความบาดหมางระหว่างสามีภรรยา สิ่งเหล่านี้คือสาเหตุ อาจจะมีความขัดแย้งในชีวิตคู่ หรือสามีที่ยึดติดภรรยามาก หรือภรรยายึดติดสามีมากเกินไป ทั้งหมดนี้เป็นการอุดตันของจักรนาภีด้านซ้าย และความเกี่ยวข้องกับนาภีซ้ายคือคฤหลักษมี เมื่อสามีตามใจภรรยามากเกินไปจนเธอสูญเสียคุณสมบัติของคฤหลักษมีโรคนี้จะเริ่มขึ้น หรืออาจเกิดจากชีวิตที่สับสนวุ่นวาย ในกรณีชาวยุโรป ควรทำอย่างไร พวกคุณละเลยการใส่น้ำมันโดยสิ้นเชิง ถ้าหากคุณไม่รดน้ำต้นไม้ ต้นไม้ก็จะตาย เช่นเดียวกับน้ำมันเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงเส้นผมนั่นเอง ”
(Rahuri Q&A 13/4/86)
ความดันโลหิต
“ความรู้สึกผ่อนคลายเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดความดันโลหิต”
(คำสอนสำหรับแม่และเด็ก 1983)
มะเร็ง
“ การรักษามะเร็งที่ได้ผลดีที่สุดคือใช้น้ำ เช่น แช่เท้าในแม่น้ำ ในทะเล หรือในอ่างน้ำเล็กๆ ที่บ้านพร้อมทั้งมีรูปภาพของแม่ตั้งอยู่ น้ำมีธรรมะของการทำความสะอาด ฉะนั้น ศรีวิษณุและทัตตาเตรยะผู้รับผิดชอบธรรมะของมนุษย์จึงควรได้รับการบูชา ท่านช่วยรักษาเทพประจำจักรที่ถูกโจมตี จัดผู้ป่วยให้อยู่ต่อหน้ารูปภาพของแม่ซึ่งมีเทียนจุดไว้แล้ว ให้แช่เท้าผู้ป่วยในน้ำ เลื่อนมือของคุณลงไปตามระบบประสาทซิมพาเธติค และลงสู่น้ำ ผู้ป่วยจะค่อยๆ รู้สึกเย็นลง ถ้าหากเขามีการตระหนักรู้ การบำบัดรักษาจะได้ผลดี ”
(จดหมายถึง ดร.ราอูล จาก นิรมลาโยคะ เล่มที่8)
“ คุณจะประหลาดใจว่า ผู้ที่เจ็บป่วยด้วยโรคที่สามารถคร่าชีวิต เช่น มะเร็ง ซึ่งแม่ได้รักษาทุกคนล้วนแต่เคยเป็นเหยื่อของคุรุปลอมทั้งสิ้น ไม่มียกเว้นแม้แต่คนเดียว รวมทั้งผู้ที่ฝึกตันตระ แม่ไม่เคยเห็นผู้ป่วยมะเร็งคนใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับคุรุปลอมเลย จึงเป็นสาเหตุที่ว่าแพทย์ไม่สามารถรักษาโรคมะเร็งได้ ”
(การบรรยายเป็นภาษาฮินดีที่เดลี 18/8/79 แปลเป็นอังกฤษใน นิรมลาโยคะ เล่มที่17)
“ ผู้ที่จักรกัลกีอุดตัน หมายถึงว่า เขาจะล้มป่วยด้วยโรคร้าย เช่น มะเร็ง หรืออาจจะเป็นโรคเรื้อน หรืออาจจะตกสู่ห้วงความหายนะ”
(คำอธิบายเรื่อง ศรีกัลกี 1982 นิรมลาโยคะ เล่มที่12)
“ ดังนั้น เมื่อบุคคลตกอยู่ในการถูกทำลาย เช่น เกิดโรคมะเร็งขึ้นภายใน จะมีความรู้สึกถึงการสั่นกระเพื่อมในตำแหน่งช่วงบนวอยด์ของเขา ไม่ได้หมายความว่าถ้ามีการสั่นสะเทือนจะต้องมีมะเร็งเสมอไป แต่ถ้ามีมะเร็งเกิดขึ้น บริเวณนี้จะสั่น ซึ่งเป็นเพราะพลังแห่งชีวิตกำลังพยายามที่จะผลักดันมะเร็งออกไป ”
(เอกทศฤทธิ บูชา17/9/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่21)
“เอกทศฤทธิจะแสดงให้เห็นบนหน้าผากของเขา ซึ่งจะเกิดการบวมพอง …ผู้ป่วยมะเร็งส่วนมาก ถ้าคุณสังเกตดู พวกเขาจะมีอาการบวมจากด้านซ้ายขึ้นไปที่ด้านขวาอย่างมาก หรือโย้ไปทางด้านขวา ”
(เอกทศฤทธิ บูชา ออสเตรีย 8/6/88)
“ พลังชีวิตแบ่งเป็นสองด้านคือซ้ายและขวา เมื่อทั้งสองด้านกระทบกัน หมายถึงด้านใดด้านหนึ่งมีปฏิกิริยามากเกินไป บุคคลจะเกิดโรคทางกายที่มีสาเหตุมาจากจิต เมื่อพลังกุณฑลินีขึ้นมาแล้ว ท่านจะหล่อเลี้ยงบำรุงศูนย์พลังทั้งหมด แต่ถ้าสมมุติว่าคุณใช้พลังด้านขวามากเกินไป ด้านซ้ายก็จะแตกแยก สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การเชื่อมโยงกับพลังธรรมชาติจะขาดหายไป คุณก็จะอยู่โดดเดี่ยวโดยปราศจากการเชื่อมโยง มะเร็งจะเริ่มรุกราน ซึ่งรักษาได้ในระยะเริ่มต้น แต่ไม่สามารถรักษาในระยะลุกลาม เราได้ลองพยายามรักษาอยู่บ้างเหมือนกัน ”
(การสัมมนาแพทย์ที่เดลี 6/4/97 บทความใน New Delhi Medicos 13(4-5):32-34)
มะเร็งในเม็ดเลือด
“ มะเร็งในเม็ดเลือดมีสาเหตุจากความรีบเร่ง รวดเร็วเกินไป ดังนั้น บุคคลควรเอาใจใส่ดูแลการทำงานของม้ามให้เรียบร้อยอยู่เสมอ ”
(การบรรยายครั้งที่2 ที่ซิดนีย์ 27/3/81)
“ในจักรนาภีด้านซ้ายมีอวัยวะสำคัญคือม้าม ม้ามมีหน้าที่วัดความเร็วและปรับสภาพร่างกาย เมื่อม้ามทำหน้าที่ปรับสภาพแต่ไม่สามารถทำได้สำเร็จ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเกินไป ปัญหาก็เกิดขึ้น เพราะม้ามต้องจัดหาพลังงานเร่งด่วน เพื่อเพิ่มหรือลดการไหลเวียนของเม็ดโลหิตแดง อวัยวะนี้จึงทำงานหนักมาก ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดมะเร็งในเม็ดเลือด สำหรับคนที่ใช้ชีวิตประจำวันรีบร้อนตลอดเวลา”
(ศิวราตรี1987)
“ม้ามผลิตเม็ดเลือดแดงสำหรับความจำเป็นเร่งด่วน ชีวิตสมัยใหม่มักอยู่ในภาวะเร่งด่วนเสมอ การกระตุ้นม้ามอย่างต่อเนื่องทำให้การทำงานของม้ามเสมือนบ้าคลั่ง เปิดทางให้มะเร็งเข้าโจมตีได้ง่าย ช่วงเวลาใดที่ม้ามอ่อนแอ ถ้ามีสิ่งโจมตีมาจากช่องพลังด้านซ้าย มะเร็งในเม็ดเลือดก็จะทวีจำนวน ”
(คำปราศัยในการสัมมนาทางการแพทย์ กรุงมอสโคว์1990)
มะเร็งเต้านม
“ สำหรับผู้หญิงอินเดีย จิตสำนึกแห่งพรหมจรรย์เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก ถือกันว่าจะไม่มีสิ่งใดมาทำอันตรายเธอได้ตราบเท่าที่เธอยังรักษาพรหมจารีไว้ แต่ถ้าพวกเธอปราศจากพรหมจรรย์ ความกลัวจะเข้ามาครอบงำอย่างรวดเร็ว ‘มาก’ พรหมจรรย์คือความเข้มแข็งของผู้หญิง ดังนั้นผู้หญิงที่เกิดความกลัว ส่วนมากเป็นเพราะปัญหาพรหมจรรย์ของพวกเธอกำลังถูกโจมตี ผู้หญิงที่ตกใจกลัวว่าพรหมจรรย์ของเธออาจถูกรบกวนจะเริ่มมีปัญหาที่จักราหัวใจ และจะเกิดมะเร็งที่เต้านมขึ้น การหายใจติดขัด และโรคที่น่ากลัวอื่นๆ ในระดับของอารมณ์ด้วย ”
(คำสอนเรื่องจักรหัวใจ เดลี 1/2/83)
มะเร็งในลำคอ
“ ถ้าคุณสูบบุหรี่มาก ศรีวิษณุมายาจะบังเกิดความพิโรธ และท่านเป็นผู้ที่ก่อมะเร็งได้ด้วย ท่านจะทำลายอวัยวะ คอ รวมทั้งหูและจมูกของคุณ ปัญหาที่คอจะเกิดขึ้นเพราะการสูบบุหรี่ เนื่องจากท่านไม่ชอบควันเหล่านั้น…ดังนั้น ถ้าคุณสูบบุหรี่ คุณจะอ่อนแออย่างมากต่อการโจมตีของมะเร็งในลำคอ ”
(ศรีวิษณุมายา บูชา นิวยอร์ค 19/7/92)
“อีกสิ่งหนึ่งที่คนไม่รู้คือเรื่องของมนตรา ศรีวิษณุมายาคือเทพเจ้าแห่งการสวดมนตร์ ท่านให้พลังแก่บทสวดมนตร์ ถ้าคุณไม่มีความเชื่อมโยงกับพลังศักดิ์สิทธิ์นี้ จะเกิดไฟฟ้าลัดวงจรขึ้น บทสวดที่ปราศจากพลังศักดิ์สิทธิ์ทำให้มีปัญหาที่คอ มะเร็งในลำคอ และปัญหาในกระเพาะอาหาร เพราะศรี กฤษณะ (วิศุทธิ)และศรีวิษณุ (นาภี) คือเทพองค์เดียวกัน นอกจากนี้ยังอาจมีปัญหาของวิราฏะด้วย(สหัสราระ)” (นิวยอร์ค 19/7/92)
อ่านประกอบที่โรคลมชัก “การรักษาเช่นเดียวกับโรคมะเร็งและโรคจิตสรีระอื่นๆ” (ศิวราตรี1987)
[หนังสืออ่านประกอบดร.ไร(1993).’สหจะโยคะเพื่อการป้องกันและรักษาโรคมะเร็ง’จากวิทยานิพนธ์ของดร.ไร เรื่อง Medical science enlightened หน้า166-174]
ตับแข็ง
“ ตับแข็งเป็นปัญหาของช่องพลังด้านซ้าย คือการที่ตับทำงานเฉื่อย และทำให้เกิดภูมิแพ้
การรักษาโรคตับแข็ง ให้ยื่นมือซ้ายไปที่รูปภาพของ ศรีมาตาจี และวางมือขวาที่พื้นดิน วางขวดใส่น้ำร้อนบนท้อง หรือเพียงแต่ให้พลังไวเบรชั่น (บันดัน) ที่ตับของคุณด้วยแสงเทียนก็ได้ ” (Rahuri Q&A 13/4/86)
ท้องผูก
“ บุคคลที่พลังด้านขวาไม่สมดุล อวัยวะต่างๆ มักทำงานหนักเกินไป อวัยวะที่ทำงานหนักก่อให้เกิดการกระตุ้นที่หัวใจ ทำให้หัวใจสูบฉีดโลหิตอย่างเร็ว หัวใจจึงสั่น เป็นหอบหืดในปอด และลำไส้เกิดอาการท้องผูก ซึ่งทำให้ตับเสียหายมาก และส่งผลให้ผิวหนังขาดสุขภาพ ผิวจะเป็นสีเหลืองจัด และเป็นคนที่ชอบทะเลาะวิวาท ก้าวร้าว ”
(Sickness and its cure,New Delhi 9/2/83 นิรมลาโยคะเล่มที่25)
“ ความร้อนจากตับในระยะยาวทำให้ปอดผิดปกติ เกิดอาการโรคหืด เมื่อตับไม่ได้รับการหล่อเลี้ยงอย่างพอเพียง ก็จะเริ่มทำงานหนัก ลำไส้ขาดความชุ่มชื้น เป็นสาเหตุของการท้องผูก ” (มอสโคว์ มิย.1990)
“ รู้ไหมว่า อะไรดีที่สุดถ้าคุณท้องผูก หนังสือพิมพ์ธรรมดาๆ นี่เอง อ่านข่าวที่น่าสยดสยองต่างๆ นี่คือวิธีที่แม่เห็นบางคนที่แม่รักษาเขาพูดว่า “เราท้องผูก” แม่จะพูดว่า “ให้อ่านหนังสือพิมพ์ตอนเช้า” (แม่และเด็ก1983)
“ในอินเดีย เรามีวิธีถ่ายท้องหลายแบบ เช่น ajwain ka churan และองุ่นแห้งสีดำ (ลูกเกดสีดำ) ลูกพรุนกับน้ำส้ม หรือต้มน้ำนมดื่มตอนกลางคืน ”
(แม่และเด็ก 1983)
เบาหวาน
“ เบาหวานเกิดจากการกระทำของพลังด้านขวาที่ได้รับผลกระทบจากด้านซ้าย ด้านขวามีความอ่อนแอ เนื่องจากตอนแรกคุณคิดมากเกินไป ไม่มีสติ และไม่เปลี่ยนนิสัยเดิม ดังนั้นปัจจัยความกลัวยิ่งทำให้เราอ่อนแอ เช่น ผู้ชายทำงานที่ใช้ความคิดมากๆ เซลล์ไขมันทั้งหมดของเขาถูกใช้สำหรับสมอง ด้านซ้ายจึงแห้งขอด กลายเป็นคนอ่อนแอ และถ้ามีความกลัวเกิดขึ้น รวมทั้งความรู้สึกผิด คนๆ นั้นก็จะเป็นโรคเบาหวาน ”
“ การแก้ไขคือ สวดมนตร์ด้วยนามของอาลี สาเหตุมาจากสวาธิษฐานและนาภีซ้าย นาภีซ้ายได้รับผลกระทบก่อน เพราะความกลัวภรรยา หรือวิตกกังวลเกี่ยวกับภรรยา หรือสมาชิกอื่นในครอบครัว เมื่อผสมกับความอ่อนแอที่มีอยู่แล้ว จะกลายเป็นเบาหวาน ”
“ทำความสะอาดจักรอักนียะ อย่าคิดมาก ให้ดำรงสภาวะของความมีสติโดยปราศจากการคิด ยกด้านซ้ายมาลงด้านขวา กินเกลือเพิ่มเพื่อให้การขับน้ำตาลเป็นกลาง เพราะมีการตกผลึกเกิดขึ้น วางถุงน้ำแข็งที่สวาธิษฐานและนาภีด้านขวา หลีกเลี่ยงน้ำตาลถ้าจำเป็นหลังจากผลตรวจที่ถูกต้อง ”
(ศิวราตรี 1987)
“ เห็นไหมแม่ได้บอกคุณถึงสาเหตุน้ำตาลในเลือดเกิดจากโรคเบาหวานใช่ไหม? แต่โรคเบาหวานไม่ได้เกิดขึ้นเพราะน้ำตาล เบาหวานเกิดขึ้นเพราะโรคเบาหวาน และการคิดมากเกินไป ” (แม่และเด็ก 1983)
“ มีอีกสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับดวงตาของเราเมื่อจักรสวาธิษฐานอุดตัน จักรนี้อยู่ที่ศีรษะด้านหลังด้วย คืออยู่ ‘รอบๆ’ อักนียะด้านหลัง ดังนั้น เมื่อเป็นเบาหวาน ตาก็จะบอดได้ คุณจะเห็นว่าคนที่เป็นโรคเบาหวานทำให้ตาบอด
การรักษาโรคเบาหวาน ก่อนอื่นต้องรักษาสวาธิษฐาน โดยวางน้ำแข็งรอบๆ สวาธิษฐานด้านหลัง ถ้าสาเหตุมาจากสวาธิษฐานต้องใช้น้ำแข็ง -แต่ถ้าหากเป็นเรื่องอื่น เช่น คนที่ชอบเกี่ยวข้องกับการเข้าทรง การครอบงำโดยวิญญาณเท่านั้นซึ่งไม่เกี่ยวกับโรคเบาหวาน- ต้องใช้วิธีรักษาด้วยเปลวเทียน นีคือวิธีที่เรารักษาจักรอักนียะ ”
(คำสอนเรื่อง จักรอักนียะ ที่เดลี 3/2/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่18)
“ ถ้าผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์คิดมากเกินไป ลูกก็อาจจะเป็นเบาหวานได้ ”
(การสัมมนาทางการแพทย์ที่กรุงมอสโคว์ มิย.1990)
ท้องร่วง
“ ผู้ที่ช่องพลังด้านซ้ายไม่สมดุล มักจะรับประทานอาหารที่ไม่สมดุลโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะโปรตีน และโปรตีนทำให้อ่อนแอจนเกิดอาการกล้ามเนื้อเฉื่อยในทุกทาง ดังนั้น ผู้คนเหล่านี้จะเจ็บป่วยด้วยโรคหวัด และเจ็บป่วยทรมานจากโรคท้องร่วง ทั้งนี้เพราะกล้ามเนื้ออ่อนแอ เมื่อรับประทานอาหารเข้าไป ก็จะถ่ายออกมาหมด ”
(Sickness and its cure,New Delhi 9/2/83)
“ สำหรับผู้ที่อยู่ในสายกลาง (ช่องพลังสุษุมนา หรือความสมดุล) เหมาะสมที่สุดในการเริ่มต้น พวกเขาจะอาเจียนหรือท้องร่วงถ้ารับประทานอาหารตามสถานที่ที่ไม่สมควร และพวกเขาจะไม่รับประทานอาหารที่ไม่ได้รับการให้พลังอย่างถูกต้อง ”
(Sickness and its cure9/2/83)
“ สำหรับเด็กที่ท้องร่วง มีวิธีง่ายๆ คือ ต้มเมล็ดยี่หร่ากับสะระแหน่เข้าด้วยกัน ผสมเข้ากันดีแล้ว ให้เด็กกินพร้อมน้ำตาลเล็กน้อยหรือลูกกวาดหวานๆ วันละ 2-3 ครั้ง เด็กก็จะหายท้องเสีย ” (แม่และเด็ก 1983)
ยาเสพติด
“ ถ้าคุณสูบกัญชา คุณจะถูกฉุดดึงไปที่อิฑานาที (ช่องพลังด้านซ้าย) และอีโก้จะถดถอยไปชั่วขณะ…ยาเสพติดทุกชนิดทำให้คุณห่างไกลจากความมีสติ…คนที่ตกเป็นทาสยาเสพติดและยาต่างๆ ที่แม่เคยพบ น่าสมเพชมาก เมื่อพวกเขามาที่นี่ก็ก้าวหน้าช้ามาก…พวกเขาอ่อนแอและเปราะบางต่อการถูกโจมตีช่องพลังฝั่งซ้าย ”
“ ยาเสพติดไล่โจมตีคุณไปทางซ้าย –นาภี-นาภีซ้าย หรือฝั่งขวาก็ตาม สิ่งที่ผลักคุณไปยังนาภีซ้ายจะทำให้คุณตกต่ำลงไปอย่างมาก แต่บางครั้งคุณก็ยังก้าวร้าว ทั้งๆ ที่คุณอยู่ด้านซ้าย น่าประหลาดจริงๆ ในทันทีทันใด คุณก็กลับงงงันไปอีก…ยาเสพติดสามารถทำให้คนเป็นบ้า-หรือเกิดอะไรขึ้นได้ทั้งนั้น ”
(คำแนะนำการรักษาโรคติดเชื้อไวรัส ปูเณ1/12/87)
บุหรี่
“ ในกระบวนการวิวัฒนาการ มีพืชและสัตว์จำนวนมากที่สูญพันธุ์เพราะความไม่สมดุลในตัวเอง ดังนั้น จึงเข้าไปอยู่ที่จิตใต้สำนึกส่วนรวม และกลับมาในรูปของพลังที่คอยทำร้ายมนุษย์ซึ่งกำลังก้าวหน้าทางจิตวิญญาณ เช่น ทุกวันนี้เราจะเห็นว่ามีเชื้อไวรัสต่างๆ ที่โจมตีเรา ได้แก่พวกพืชที่หลุดออกจากวงจร (สูญพันธุ์) อีกไม่นานคุณจะได้พบว่ายาสูบจะหลุดออกจากวงจร ยาเสพติดต่างๆ ก็จะหลุดออกจากวงจรเช่นกัน ”
(เอกทศฤทธิ บูชา ออสเตรีย 8/6/88)
“ ถ้าคุณสูบบุหรี่มาก ศรีวิษณุมายา จะบังเกิดความพิโรธ และท่านเป็นผู้ที่ก่อมะเร็งได้ด้วย ท่านจะทำลายคอ รวมทั้งหูและจมูกของคุณ ปัญหาที่คอจะเกิดขึ้นเพราะการสูบบุหรี่ เนื่องจากท่านไม่ชอบควันเหล่านั้น…ดังนั้น ถ้าคุณสูบบุหรี่ คุณจะอ่อนแออย่างมากต่อการโจมตีของมะเร็งในลำคอ ”
(ศรีวิษณุมายา บูชา นิวยอร์ค 19/7/92)
แอลกอฮอล์
“ นักบุญทุกท่านในโลกล้วนแต่สอนว่า แอลกอฮอล์เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อชีวิต เหตุผลคือแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่ต่อต้านสติของเรา เป็นเช่นนั้นจริง คุณรู้แล้วว่าหลังจากดื่มเหล้าเราจะมึนงงหรือไม่ก็ฮึกเหิม ไม่เหมือนปกติ จึงเป็นเหตุผลที่นักบุญทั้งหลายสั่งห้าม ”
(2nd Sydney Talk 27/3/81)
“ ความประสงค์ของแม่บังคับพวกคุณอยู่ ถ้าคุณพยายามดื่มเหล้า คุณก็จะอาเจียน ”
(นิรมลาโยคะ เล่มที่12 หน้า25)
“ แอลกอฮอล์ซึ่งคุณรู้อยู่แล้ว ทำให้เกิดความผันแปรแตกต่างกันไปแล้วแต่นิสัยของคน…แอลกอฮอล์เป็นอันตรายมาก เพราะเป็นสิ่งที่ทำลายตับ ทำลายความรู้สึกตัว ทำให้คุณซุ่มซ่าม ทำให้สติของคุณเลอะเลือน…แอลกอฮอล์ทำให้คนเป็นไปต่างๆ นานา และจะสูญเสียธรรมะทั้งหมด ”
(คำแนะนำการรักษาโรคติดเชื้อไวรัส ปูเณ 1/12/87)
“ แม่คิดว่าศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการตระหนักรู้ในตนเองของเราคือการดื่มเหล้า การดื่มเครื่องดองของเมาทำให้คนกลายเป็นทาส สมองไม่ทำงานตามปกติ ดังนั้น สหัสราระต้องถูกทำให้เสียหายไปด้วย การดื่มเหล้าจึงเป็นศัตรูที่ร้ายแรงที่สุด ”
(สหัสราระ บูชา 2001)
โรคผิวหนังอักเสบสาเหตุภูมิแพ้ (Eczema)
“โรคผิวหนังอักเสบก็เช่นกัน เหมือนกับโรคภูมิแพ้ เนื่องจากโรคผิวหนังอักเสบอยู่ภายนอก คุณสามารถใช้ neemkapata หรือจำพวกเดียวกัน แม่ได้บอกคุณว่าคุณสามารถใช้หลายอย่างบนผิวที่อักเสบ
(Rahuri Q & A 13/4/86)
ต่อมไร้ท่อ (Endocrine Glands)
“ต่อมไร้ท่อจะถูกควบคุมโดยระบบจักรเช่นเดียวกัน เช่น เราสามารถพูดได้ว่าจักรมูลาธาระควบคุมลูกหมาก แม้กระทั่งจักรอักนียะควบคุมทั้งต่อมที่ฐานสมองตรงแอ่งของกระดูกและ.........นั่นก็คือวิธีที่สามารถควบคุมอัตตาและเงื่อนไข”
(Q & A, Bharatiya Vidya Bhavan (Delhi?), 22/3/77. Printed in The Life Eternal 1980)
โรคลมชัก หรือ ลมบ้าหมู
“ สาเหตุ – การเคลื่อนไหวของสติไปทางด้านซ้ายสุดขั้ว และคุณเข้าไปอยู่ในสภาวะจิตใต้สำนึกรวม ที่เป็นดังนี้เพราะคุณมีความกลัวหรือตกใจ เพราะเป็นคนอ่อนแอ อยู่ในช่องพลังด้านซ้าย รวมทั้งเมื่อคุณพบเห็นอุบัติเหตุ สิ่งที่น่ากลัวหรือทำให้ตกใจอย่างฉับพลัน
การรักษา-ให้ตั้งสติที่ศูนย์กลาง ขั้นตอนแรกนำสติไปด้านขวาก่อน โดยการสวดกายาตรีมันตรา แล้วจึงมาที่ศูนย์กลางโดยการสวดพรหมเทวา-สรัสวตี เมื่อคุณนำสติไปฝั่งขวาและเริ่มรู้สึกไวเบรชั่น ให้หยุดนิ่ง ไม่ต้องสวดคายตรีมันตราอีก เพราะคุณต้องไม่ไปด้านขวามากเกินไป การไปฝั่งขวามากเกินไปไวเบรชั่นจะลดความถี่ลง การย้ายจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งนั้นต้องมีการปรับสภาพที่ถูกต้องเหมาะสม สำคัญที่คุณต้องรู้สึกไวเบรชั่น ถ้าหากไม่รู้สึก ให้ยกพลังกุณฑลินีขึ้นซ้ำเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้สึกถึงพลังไวเบรชั่น
วิธีที่ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่งคือ ยื่นมือซ้ายที่รูป และวางมือขวาลงบนพื้นดิน สวดมนตร์มหากาลี เพื่อว่าพลังไวเบรชั่นจะเกิดการหมุนเวียน จุดเทียนตั้งไว้ด้านหลังทางฝั่งซ้ายก็จะช่วยได้มาก ” (ศิวราตรี 1987)
โรคตา
“ มีคำสอนว่า ถ้าสายตาของคุณสอดส่ายไปมา อักนียะของคุณก็จะหวั่นไหว
คุณต้องมีตาที่มั่นคงเพื่อถนอมดวงตา สิ่งที่ช่วยให้ความนุ่มนวลแก่ดวงตาคือหญ้าสีเขียว หากคุณเห็นต้นหญ้าสีเขียว จงใช้สายตาเดินไปบนพื้นหญ้านั้น”
(การบรรยายเรื่อง อักนียะ ]vofvo 18/12/78)
“ แม่สังเกตว่า คนจำนวนมากทำให้จักรอักนียะของตนเสียหาย เหตุผลคือคนเหล่านี้ติดตาม หรือคำนับคุรุปลอม หรือก้มกราบสถานที่ผิดๆ เชื้อโรคของดวงตามากมายเกิดจากการปฏิบัติที่ผิดเหล่านั้น ”
(บอมเบย์ 26/9/79 นิรมลาโยคะ เล่มที่24)
“ ถ้าดวงตาของคุณขาดความศักดิ์สิทธิ์ คุณจะได้รับความยุ่งยากเกี่ยวกับตา และดวงตาอ่อนแอ ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าถ้าคุณใส่แว่นตาแล้วตาของคุณจะไม่ศักดิ์สิทธิ์หรือเป็นคนที่ไม่ถูกต้อง กฎของธรรมชาติคือเมื่อคนมีอายุมากขึ้นก็ต้องใช้แว่นเป็นธรรมดา ”
(บอมเบย์26/9/79 นิรมลาโยคะ เล่มที่24)
“…ถ้าเด็กๆ ตาไม่ดี คุณอาจจะเห็นจุดสีดำสองจุด หรือจุดสว่างสองจุด เมื่อคุณหลับตาลง คุณจะเห็นสีอยู่ตรงหน้า ไม่เรียกว่าเป็นสี แต่เรียกว่าขาวแกมเทา ถ้าเด็กมีปัญหาที่ตาคุณจะเห็นจุดดำสนิทสองจุดหรือจุดขาวกลมล้วนสองจุด นั่นคือสัญลักษณ์ของนัยน์ตาเด็กที่มีปัญหา…แต่เมื่อตาของคุณเองไม่ดี เมื่อคุณตั้งสติที่ตนเอง คุณจะพบบ้างเล็กน้อย หรือเมื่อรู้สึกเพลียสายตา คุณก็เห็นภาพจุดสองจุดนั้นได้เช่นกัน… ทีนี้สมมุติว่า ขณะที่คุณมองจุดสองจุดในตาเด็ก ถ้าเห็นจุดสีแดงและมีขนเล็กๆด้วยที่ตัวเด็ก แสดงว่าเด็กกำลังป่วย อาจจะมีเนื้องอกบางแห่ง คุณอาจจะเห็นขนแบบนี้เหมือนรูปหัวใจเล็กๆ หรืออาจจะกลมๆ สีแดง ก็จะรู้ว่าเด็กไม่สบายสุขภาพของเด็กไม่ปกติ”
(แม่และเด็ก 1983)
“การชำระล้างดวงตาอย่างถูกต้อง ให้ใส่ กาจาล (kajal) ซึ่งมีวิธีทำคือ เผาการบูน รวบรวมขี้เถ้าของการบูนใส่ภาชนะที่ทำจากเงิน เพราะภาชนะเงินให้ความเย็น แล้วผสมเนยที่สะอาด หรือ กี ที่สะอาดมากๆ ผสมเถ้าการบูนกับเนยให้เข้ากันดี แล้วใส่ลงในน้ำ ปล่อยให้น้ำทำความสะอาดกาจาลสักครู่ รินน้ำทิ้งจนหมด น้ำจะไม่เกาะเพราะมีเนยเป็นส่วนผสม เก็บใส่ที่เหมาะสม ใช้นิ้ว.......ทาให้เด็กทุกวัน เพราะจะทำให้ตาของเด็กใสและไม่มีปัญหาไปนาน
“ ถ้าจักรอักนียะที่ด้านหลังศีรษะอุดตันหมายถึงการถูกครอบงำทางวิญญาณอย่างแน่นอน ตาก็จะบอดแบบดวงตาเปิด “ในประเทศอินเดียเป็นเรื่องธรรมดาอีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับดวงตาของเรา เมื่อสวาธิษฐานจักรอุดตัน จักรนี้อยู่ด้านหลังศีรษะ คืออยู่ ‘รอบๆ’ อักนียะด้านหลัง ดังนั้น เมื่อเป็นเบาหวาน ตาก็จะบอดได้ คุณจะเห็นว่าคนที่เป็นโรคเบาหวานทำให้ตาบอดด้วย การรักษาโรคเบาหวาน ก่อนอื่นต้องรักษาสวาธิษฐาน โดยวางน้ำแข็งรอบๆ สวาธิษฐานด้านหลัง ถ้าสาเหตุมาจากสวาธิษฐานต้องใช้น้ำแข็ง แต่ถ้าหากเป็นแต่เพียงการครอบงำทางวิญญาณ ซึ่งไม่เกี่ยวกับโรคเบาหวาน ต้องใช้วิธีรักษาด้วยเปลวเทียน
(จักรอักนียะ เดลี 3/2/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่18)
ไขมัน
“คำถาม – ทำไมพระเจ้าจึงสร้าง อีโก้ (อัตตา) และ ซุปเปอร์อีโก้ (เงื่อนไข) ขึ้นในตัวเรา
ตอบ – จากกระเพาะอาหาร Med (เมด) หรือไขมันจะขึ้นไปที่สมอง ผ่านจักรต่างๆ แปรไปเป็นเซลล์สมอง แม้แต่สมองก็เป็นเซลล์ไขมัน ซึ่งเรียกว่า Mendu (เมนดู) ดังนั้น จาก Med กลายไปเป็น Mendu ต้องมีกระบวนการวิวัฒน์ เพื่อให้บรรลุจำนวนที่แน่นอนของจิตสำนึก ความมีสติของมนุษย์”
(การถาม-ตอบ ภารัติยะวิทยาภวัน 22/3/77 พิมพ์ในหนังสือ The life Eternal1980)
“การกินอาหารของคนฝั่งซ้าย – การกินไขมันเป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะไขมันจะถูกกักเก็บและไม่มีการหมุนเวียน สำหรับคนผอม ไขมันในร่างกายของพวกเขามีอยู่ เขาจึงกินไขมันได้ แต่สำหรับคนอ้วน ควรทำเพียงแต่หยอดน้ำมันในจมูก หู เป็นต้น คนอ้วนควรใช้น้ำมันนวดศีรษะจะดีมาก เช่น นวดด้วยน้ำมันใส่ผม โกลเด้น อัมลา (Golden Amla) จะช่วยให้เย็นลง”
(ศิวราตรี 1987)
“ส่วนเรื่องสุขภาพของเขา (เช่น ผู้ที่อยู่ในสายกลาง) จะมีรูปร่างค่อนอ้วน เพราะว่าพวกเขามีแก๊สในตัวมาก แก๊สจำนวนมากซึ่งเป็นปราณศักติ อยู่ในศูนย์กลาง ในพลังปราณ เข้าสู่ช่องพลังชูชุมนา อันจะทำให้ร่างกายเสมือนมีอากาศอัดเข้าไว้ ร่างกายที่อัดแก๊สนี้ไม่หนัก แต่เบามาก พวกเขาจะเดินอย่างรวดเร็ว กระตือรือร้นเสมอ แต่มองดูแล้วเหมือนคนอ้วน หรือถ้าไม่อ้วน พวกเขาก็จะพยายามทำตัวให้ท้วมๆ”
(Sickness and its cure 9/2/83)
ไข้
“อาการไข้มีสาเหตุจากตับผิดปกติ หรือตับทำงานหนักเกินไป ความร้อนก็จะขึ้นสูง แก้ไขโดยวางถุงน้ำแข็งบริเวณตับ ไข้มาลาเรียเป็นเพราะช่องพลังฝั่งขวาไม่สมดุล เช่น ถูกยุงกัด ส่วนไข้ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเป็นเพราะช่องพลังฝั่งซ้ายไม่สมดุล เนื่องจากสาเหตุหลักคือกินอาหารบางอย่างที่เกิดจากเชื้อรา เช่น เห็ด และพาเนียเก่าๆ (paneer) เป็นต้น” (ศิวราตรี 1987)
ไข้หวัดใหญ่
“ไข้หวัดใหญ่เป็นสิ่งที่ยาก สิ่งแรกก็คือ เป็นพลังฝั่งซ้าย อินเดียมียาที่ดี......ใบสะระแหน่ ใช้ใบสะระแหน่หลายๆใบปรุงเข้าด้วยกันซึ่งเป็นส่วนสำคัญ ต้มให้เดือดในหม้อ เอาออกโดยเร็วใส่ชาเข้าไปตามด้วยนํ้า ทำเหมือนเวลาเราทำชา ใส่นมหรือวิธีไหนก็ได้ที่เราชอบ ใส่นมน้อยหน่อยก็ได้ นํ้าตาล เพราะรสอาจจะไม่อร่อย และดื่ม ก่อนหน้านี้คุณต้องเตรียมยี่หร่า (ajwan)เพื่อสูบภายหลัง 3 วันติดกัน คุณก็จะหายและดีขึ้น”
(Rahuri Q & A 13/4/86)
เชื้อรา
“สิ่งที่เลวร้ายที่สุดได้แก่เชื้อรา…เชื้อรามาจากฝั่งซ้าย การโจมตีด้านซ้ายคือการตายทั้งหมด ให้ยื่นมือซ้ายไปที่รูปและวางมือขวาตรงส่วนที่ติดเชื้อรา คุณจะสามารถขับไล่มันออกไปได้ด้วยวิธีนี้ และจงอย่ากินเนยแข็ง เนยที่ขึ้นรา อย่ากินเป็นอันขาด สหจะโยคีทุกคนห้ามกินเนยที่ทำจากเชื้อรา ซึ่งเป็นเนยสีฟ้า เก่าและมีเปลือก หลีกเลี่ยงราทุกชนิด รวมทั้งเห็ด ถ้าเป็นไปได้” (Rahuri Q&A 13/4/86)
พันธุกรรม (ยีนส์)
“วัฒนธรรมอินเดียเป็นวัฒนธรรมที่ลุ่มลึก เราต้องขอบคุณนักบุญทั้งหลายและซูฟีทุกท่าน และอวตารทุกองค์ โดยพื้นฐาน ยีนส์ของเราดีมาก ในสหจะโยคะคุณสามารถเปลี่ยนยีนส์ของตนได้ ยีนส์ของคุณไม่ได้มาจากสิ่งแวดล้อม พ่อแม่ แต่มาจากปฏิกิริยาของคุณที่มีต่อสิ่งต่างๆ ที่คุณพัฒนายีนส์ของคุณขึ้นมา อะไรเกิดขึ้นกับยีนส์ของคุณ คุณกลายเป็นคนที่มีศาสนาอย่างล้ำลึกจากภายใน ความรักที่มีต่อมวลมนุษย์คือศาสนา คุณมีความสุขที่ได้ให้ความรัก”
(สัมมนาแพทย์ที่นิวเดลี6/4/97 พิมพ์ในNew Delhi Medicos13(4-5):32-34)
เกาท์
“โรคเกาท์เกิดจากพลังด้านซ้ายไม่สมดุล ทำให้นิ้วเท้าปวดบวม และไขข้ออักเสบ”
(Sickness and its cure 9/2/83)
ปวดหัว
“ ถ้าคุณทรมานจากการปวดหัว และคุณภาวนาถึงพระเยซูคริสต์ เพื่อขออภัยให้แก่ทุกคนที่ทำให้คุณตกที่นั่งลำบาก คุณก็จะหายจากอาการปวดหัว โดยไม่ต้องใช้ยารักษา แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะปฎิบัติแบบนี้ได้ พลังกุณฑลินีของคุณต้องตื่นขึ้นมาแล้วด้วยการยอมรับสหจะโยคะ และได้รับการตระหนักรู้”
(การบรรยายภาษามารตี26/9/79 แปลเป็นอังกฤษใน นิรมลาโยคะ เล่มที่24)
โรคหัวใจ
(หัวใจวาย) “สาเหตุ –หัวใจทำงานหนัก หรือทำงานเฉื่อยชา
การทำงานมากเกินไปของหัวใจเกิดขึ้นในคนที่อยู่ฝั่งขวา เนื่องจากช่องพลังด้านขวาไม่สมดุล ในกรณีนี้ หัวใจก็จะล้มเหลว แม้คนที่อายุน้อยก็เป็นได้ ทั้งนี้เพราะสติของพวกเขามักออกไปภายนอกมากเกินไป ด้วยเหตุนี้ อาตมันหรือตัวตนภายในจึงเกิดความแตกแยก อาตมันขาดสติคอยดูแล เนื่องจากความสนใจของพวกเขาไปอยู่ที่วัตถุนิยมอย่างสุดขั้ว อีกประการหนึ่ง หัวใจทำงานหนักเกิดขึ้นได้จากความวิตกกังวลเรื่องครอบครัวมากเกินไป ความคิดมุ่งไปในอนาคตมากเกินไป หัวใจจะเริ่มสูบฉีดโลหิตมากขึ้น และทำงานหนักเกินไปในตัวเอง ในที่สุดก็จะเหนื่อยล้า นอกจากนี้ สติไม่ได้อยู่ที่จิตวิญญาณ
หัวใจเฉื่อยชา เกิดขึ้นในคนที่สวดมนตร์มากมายทุกชนิด ทำให้จักรวิศุทธิซ้ายถูกทำร้ายเป็นสิ่งแรก ส่วนคนที่สูบบุหรี่และยาสูบก็เป็นการทำร้ายวิศุทธิซ้ายเช่นกัน ส่งผลให้หัวใจสูบฉีดโลหิตลำบาก เกิดการเหนื่อยล้า เพราะไม่สามารถสูบฉีดได้ วิศุทธิซ้ายขาดสมดุล และหัวใจที่บีบตัวยากทำให้เกิดการหายใจขัดข้อง เป็นหอบหืด
โรคหัวใจมีสองประเภทดังกล่าว
ประเภทแรกรักษาโดยวางถุงน้ำแข็งที่ท้องและจักราหัวใจด้านขวา ยกพลังด้านซ้ายมาลงทางขวา นั่งแช่ในน้ำ นอนในความมืด อยู่ในบ้านมากกว่าออกไปข้างนอก พักผ่อนให้เต็มที่
ห้ามใช้เทคนิคที่เป็นความร้อน เช่น การใช้แสงเทียน
ภาวนาซ้ำๆ ว่า “ข้าพเจ้าคือจิตวิญญาณ” “ข้าแต่พระเจ้า โปรดอภัยให้ลูก”
ประเภทที่สองรักษาโดยให้คนไข้พูดว่า -“คุณแม่ ท่านคือบีชามันตรา ท่านคือเจ้าแห่งมนตรา” และภาวนาด้วยว่า “ข้าพเจ้าไม่มีความผิดใดๆ ทั้งสิ้น” รวมทั้งภาวนาว่า “ข้าแต่พระองค์ ข้าพเจ้าให้อภัยทุกคน” เพื่อว่าความเจ็บปวดทั้งหมดจะสูญสลายไป
ใช้แสงเทียนและไฟ ชำระล้างฝั่งซ้าย
(ศิวราตรี1987)
“ตามหลักของสหจะโยคะ เรามีโรคหัวใจสองประเภท ประเภทหนึ่งคือแบบmassive อีกประเภทหนึ่งคือประเภทเฉื่อยชาเช่นเดียวกับโรคเจ็บบวมในลำคอ(Angina)
ดังนั้น ประเภทแรกคือ massive นั้น คือความร้อนจากตับไปถึงหัวใจ เช่น เด็กชายที่เล่นเทนนิสเมื่ออายุ21หรือ22 และดื่มเหล้า และแข่งขันกับพ่อของเขา ถ้าทำเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง ในวันหนึ่งเขาก็จะเป็นโรคหัวใจแบบmassive โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ทำงานโรงงาน เจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมเป็นคนที่หนักไปในอนาคต มีการคิดคำนวณมากเกินไปจนลืมคำนวณถึงผลที่จะได้รับคือปัญหาด้านโรคหัวใจของพวกเขา ดังนั้น หัวใจจึงล้มเหลวเฉียบพลันและเสียชีวิต
อีกประเภทหนึ่งคือโรคหัวใจแบบเฉื่อยชาเหมือนโรคเจ็บบวมในลำคอ ที่เกิดขึ้นได้ถ้าคุณรู้สึกผิด คนบางคนอ่อนไหวมากและเป็นคนที่เจ้าระเบียบ พวกเขาชอบรู้สึกผิด “ฉันน่าจะได้ทำอย่างนี้”...พวกเขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองผิดสำหรับอะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดspondylitis, คุณได้ก่อสถานการณ์ให้หัวใจของคุณไม่สามารถสูบฉีดโลหิตอย่างถูกต้อง นั่นคือangina.”
(การบรรยายสำหรับแพทย์ที่กรุงนิวเดลี 6/4/97 Transcript in New Delhi Medicos 13(4-5):32-34)
[อ่านประกอบ:
Rai, U.C. (1993) ‘Role of Sahaja Yoga in the treatment and prevention of some heart diseases.’ In his: Medical science enlightened pp175-180]
เอชไอวี/โรคเอดส์
การให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ที่นครซิดนีย์ 1985?
“และดังนั้น เมื่อมูลาธาระเสียหาย สิ่งแรกที่เกิดขึ้นคือคุณได้รับเชื้อโรคที่รู้จักกันว่าเอดส์ และจะได้รับเชื้อโรคทั้งหมดที่เกิดกับกล้ามเนื้อ”
(คำแนะนำในการรักษาการติดเชื้อไวรัส ปูเณ 1/12/87)
[อ่านประกอบ:
Rai, U.C. (1993) ‘Behavioural modification through Sahaja Yoga – a strategy for the prevention of AIDS.’ In his: Medical science enlightened pp181-186. Also in New Delhi Medicos (1997) 13(4-5):48-50]
น้ำตาลในเลือดต่ำ
“น้ำตาลในเลือดต่ำเกิดจากการทำกิจกรรมต่างๆ มากเกินไป คุณไม่ควรคิดมาก จักรอักนียะ การใช้จักรอักนียะมากเกินไป จงปล่อยวางตนเองให้แก่พระคริสต์ โรคนี้จะรักษาได้” (Rahuri Q&A 13/4/86)
หลังการตัดมดลูก
“ในกรณีหลังการตัดมดลูก ซึ่งมดลูกถูกตัดออกไป เป็นปัญหาของศรีคเณศ และพื้นฐานจากความกลัว
(ศิวราตรี 1987)
การมีบุตรยาก
“คนประเภทนั้น (ฝั่งขวา) จะเป็นผู้หญิงที่เป็นหมัน อาจจะไม่มีบุตรเลย ผู้หญิงฝั่งขวานั้นไม่สามารถมีลูก โดยเฉพาะผู้หญิงที่ชอบหว่านเสน่ห์มากๆ และคิดว่าตัวเองสวยมากและยังมีชีวิตที่รีบเร่งทำงานมากด้วย สามารถที่จะกลายเป็นหมันโดยสิ้นเชิง”
(Sickness and its cure นิวเดลี 9/2/83 นิรมลาโยคะ ฉบับที่25)
“ถ้าผู้หญิงบางคนไม่มีลูก แสดงว่ามีปัญหาที่สวาธิษฐานซ้าย”
(ศิวราตรี 1987)
ดีซ่าน – อ่านประกอบที่หัวข้อ ตับ
“ ส่งผลมาจากนาภีขวาและสวาธิษฐานขวา ให้ยกฝั่งซ้ายมาลงทางฝั่งขวา 108 ครั้ง แช่เท้าในน้ำอุ่นพอประมาณ อธิษฐานว่า “คุณแม่ ท่านคือครูของข้าพเจ้าอย่างแท้จริง” กินอาหารสำหรับตับอย่างเคร่งครัดที่สุด 2 สัปดาห์ ทำน้ำชาจากใบสดของหัวผักกาด ใส่น้ำตาลแคนดี้ให้หวาน ดื่มแทนน้ำเป็นเวลา 3 วัน ดื่มน้ำกลูโคสด้วย”
(นายแพทย์ เฮช.เอส.ชาร์มา สหจะโยคะ: the divine path.ฉบับที่2 1993)
โรคเรื้อน
“ ผู้ที่จักรกัลกีอุดตันหมายถึงว่าเขาจะตกต่ำลงด้วยโรคที่ร้ายแรง เช่น มะเร็ง อาจจะเป็นโรคเรื้อน หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าเขาตกอยู่ในภัยพิบัติบางอย่าง”
(คำสอนไม่ทราบวันที่ ศรีกัลกี นิรมลาโยคะเล่ม12 ,1982)
โรคตับ อ่าน ดีซ่าน ประกอบ
โรคตับไม่มีอะไรอื่นนอกจากปัญหาฝั่งซ้าย คือการที่ตับทำงานเฉื่อยชา ทำให้คุณเป็นภูมิแพ้ต่างๆ การรักษาโรคตับ ยื่นมือซ้ายไปที่รูปคุณแม่ วางมือขวากับพื้นดิน(แม่ธรณี) วางกระเป๋าน้ำร้อนบริเวณกระเพาะอาหาร หรือให้พลัง (บันธัน) แก่ตับของคุณโดยใช้แสงเทียน (Rahuri Q&A 13/4/86)
“ทำไมเราจึงเรียกตับว่าลีฟเวอร์(liver แปลว่า ผู้มีชีวิตอยู่) เพราะเรามีชีวิตอยู่ได้ด้วยตับ ตับเป็นสิ่งที่สำคัญมากในสหจะโยคะ แม่รู้ว่าในทางการแพทย์เราไม่มีความรู้เกี่ยวกับตับมากนัก สหจะโยคะสามารถรักษาได้โดยสมบูรณ์ ตับเป็นตัวดูดพิษทั้งหมดแล้วปล่อยเข้าไปในเลือด
คนประเภทที่ใช้ความคิดเสมอๆ นั้น พลังงานทั้งหมดของเขาไปที่สมอง ส่วนอวัยวะอื่นๆ ถูกละเลย สิ่งแรกที่ได้รับผลกระทบคือตับ ตับที่เสื่อมเป็นเพราะไม่สามารถปลดปล่อยความร้อนซึ่งเป็นพิษของร่างกายออกไปได้ ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือความร้อนเริ่มขึ้นสูง ถ้าความร้อนนี้ขึ้นไปทางฝั่งขวาก็จะไปยังจักรหัวใจขวา ซึ่งควบคุมปอดอยู่ บุคคลผู้นั้นก็จะเป็นโรคหอบหืด จากนั้นความร้อนจะลงไปที่ไต ด้วยความร้อนนี้ไตจะจับตัวเป็นก้อนแข็งและคุณต้องการ dialysis ไม่อย่างนั้นก็เสียชีวิต แต่”
(การบรรยายสำหรับแพทย์ที่นิวเดลี 6/4/97 Transcript in New Delhi Medicos 13(4-5):32-34)
ปวดหลัง
“สำหรับอาการปวดหลัง you give ajvain ka pani. สำหรับการปวดกล้ามเนื้อที่หลัง ใช้ Ajvain for intake and gaeru (for application only). ในการปวดหลัง กระดูกมีการบิด เพราะฉะนั้น ให้ใช้น้ำมันเคโรซีนที่ให้พลังแล้วผสมกับน้ำมันอื่น ก็จะหายภายในสองสามวัน
(ศิวราตรี พ.ศ.2530)
มาลาเรีย
“สาเหตุของไข้เกิดขึ้นกับผู้ที่ liver is out หรือใช้งานตับมากเกินไป เขาจะมีความร้อนขึ้นสูง สามารถแก้ไขด้วยการวางน้ำแข็งที่ตับ ไข้มาลาเรียเป็นโรคของฝั่งขวา เช่น ยุงกัด ไข้ที่เกิดจากแบคทีเรียมาจากทางด้านฝั่งซ้าย
(ศิวราตรี 1987)
วัยทอง
[a pilot study การศึกษาโดยใช้สมาธิแบบสหจะโยคะ] “ผลลัพธ์ที่ได้เป็นที่น่าพอใจมาก ในผู้หญิงทั้งหมดที่ได้รับการปรับสภาพให้ดีขึ้น ตามความเป็นจริง สตรี 9 ใน 10 คนได้รับรายงานว่าอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ ลดความถี่ของอาการร้อนวูบวาบในวัยหมดประจำเดือน หกคนในจำนวนนี้มีอาการดีขึ้น 65-70 เปอร์เซ็นต์ หลังจากการรักษาโดยฝึกสมาธิเป็นเวลา 8 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับผลที่ได้จากการรักษาโดยใช้ฮอร์โมนทดแทนตามวิธีปฏิบัติเดิม
(Dr.R.Manocha. ‘Researching meditation: clinical applications in healthcare. Diversity (Australian Complementary Health Association) June 2001;2(5):2-10)
ปัญหาของระดูหรือประจำเดือน
“ถ้าบางคนไม่มีลูก แสดงว่าเธอมีปัญหาที่สวาธิษฐานฝั่งซ้าย ปัญหาเดียวกันนี้เป็นได้ด้วยสำหรับช่วงที่ประจำเดือนมามาก เมื่อมีสิ่งกระตุ้นมากเกินไปในพาราซิมพาเธติค ในบริเวณกระเบนเหน็บ มีผลให้เสียเลือดมากเกินไป ผลข้างเคียงคือท้องร่วงและปัสสาวะบ่อยมาก
การรักษา: ในขั้นต้นให้สวดมนตร์กายาตรีมันตราไปก่อน แต่ต้องเสริมด้วยการใช้ยาทางแพทย์ และสามารถใช้ใช้อาชวันกีธุนีได้ (แม้แต่รายที่ผ่าตัด)
(ศิวราตรี 1987)
ปัญหาโรคจิต
“นอกเหนือไปจากนั้น (โรคทางร่างกาย) เรายังมีโรคทางจิตที่เกิดกับผู้คน เช่น คนที่อยู่ฝั่งซ้ายจะมีปัญหาทางจิต เช่น เขาจะเป็นคนที่หลบๆ ซ่อนๆ มีเลศนัย เป็นคนที่ตกใจง่าย ไม่พูดคุยกับคนอื่น ตื่นเต้นง่าย ไม่เชื่อมั่นในตนเอง หนีสังคม และถึงขั้นเป็นโรคจิตเภทที่ชอบอยู่เฉยๆ ไม่ยอมทำงานการภายในบ้าน กลายเป็นมนุษย์ผัก เป็นโรควิกลจริตชนิดหนึ่ง”
(Sickness and its Cure นิวเดลี 9/2/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่25)
“… คนอเมริกันตกอยู่ในปัญหาที่มีลักษณะร้ายแรงมากของโรคภัยที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งแม่เคยทำนายไว้ สองอย่างด้วยกัน อย่างหนึ่งมาจากโรคเอดส์ และอีกอย่างหนึ่งซึ่งสมองขาดสติไป ทำให้วิกลจริตตั้งแต่อายุยังน้อยมาก”
(คำสอน ช่วงเย็นก่อนดิวาลี1985)
[อ่านประกอบ:
MORGAN, A. (2000) ‘Sahaja Yoga: an ancient path to modern mental health’ Transpersonal Psychology Review Dec 2000]
เส้นเลือดแข็งหรือตีบตัน
ข้อติดแข็งหลายระบบ
“ข้อติดแข็งหลายระบบมาจากมูลาธาระ มูลาธาระและนาภี นาภีซ้ายและมูลาธาระ เป็นปัญหาฝั่งซ้ายมากกว่า ให้การรักษาที่ฝั่งซ้าย สวดมนตร์ชื่อของศรีคเณศและเการี จะได้ผลดี”
(Rahuri Q&A 13/4/86)
ปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับกล้ามเนื้อ
ดูความเห็นในหัวข้อ ลมบ้าหมู : “ใช้วิธีรักษาเดียวกันกับการรักษามะเร็ง และโรคทางกายที่มีผลมาจากจิต รวมทั้งโครงสร้างของกล้ามเนื้อที่ผิดปกติ ในปัญหาของกล้ามเนื้อ โรคนี้มาจากการที่ศรีคเณศของคุณถูกรบกวน”
(ศิวราตรี1987)
“เมื่อพลังไวเบรชั่นไหลเวียน พลังนี้จะไปช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ในความเป็นจริงกล้ามเนื้อจะหดตัวเนื่องมาจากความเครียด เช่น วิชชุดีซ้าย กระดูกสันหลังจะเริ่มบิด (ทางกายภาพ) เมื่อคุณปล่อยวางจักระของคุณให้แก่แม่ (ในความดูแลของแม่) กล้ามเนื้อของคุณก็จะผ่อนคลายและคุณสามารถปรับโดยการให้พลังไวเบรชั่น ไวเบรชั่นเหล่านี้สามารถให้แก่ผู้อื่นได้ คุณไม่จำเป็นต้องถูกตัวผู้อื่น แต่ให้พลังโดยใช้มือหมุนเป็นวงและสวดมนตร์”
(ศิวราตรี 1987)
“และเมื่อมูลาธาระละทิ้งคุณไป สิ่งแรกที่เกิดขึ้นคือคุณจะเป็นโรคที่รู้จักกันในชื่อเอดส์ แต่คุณจะได้รับเชื้อโรคทั้งหมดที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อด้วย กล้ามเนื้อจะเริ่มอ่อนแอและมีอาการอื่นๆ ตามมา
(คำแนะนำในการรักษาการติดเชื้อไวรัส ปูเณ 1/12/87)
อัมพาต
[การอภิปรายคนที่อยู่ฝั่งขวา] “ที่ระดับของสมองพวกเขากลายเป็นคนที่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง อีโก้ไปที่ระดับนั้นซึ่งทำให้ถึงขั้นเป็นอัมพาต อัมพาตเป็นไปได้ทั้งสองกรณี แม้แต่คนที่อยู่ฝั่งซ้ายก็สามารถเป็นได้หรือคนฝั่งขวาก็เป็นได้ แต่โดยหลักใหญ่แล้ว ผู้คนมักจะเป็นอัมพาตบนฝั่งขวา โรคนี้มาจากฝั่งซ้ายแต่ส่งผลไปที่ด้านขวาของร่างกาย”
(Sickness and its Cure นิวเดลี 9/2/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่25)
“…คนอเมริกันตกอยู่ในปัญหาที่มีลักษณะร้ายแรงมากของโรคภัยที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งแม่เคยทำนายไว้ สองอย่างด้วยกัน อย่างหนึ่งมาจากโรคเอดส์ และอีกอย่างหนึ่งซึ่งสมองขาดสติไป ทำให้วิกลจริตตั้งแต่อายุยังน้อยมา โรคที่สามที่แม่ได้บอกพวกเขา กำลังจะมาในเร็วๆ นี้ ซึ่งผู้คนที่ทุกข์ทรมานจากอีโก้จะถูกอีโก้ยึดครอง ในกรณีนั้นจิตสำนึกจะถูกควบคุมโดยอีโก้ หมายถึงว่าโดยจิตใต้สำนึกคุณสามารถเดิน สามารถเคลื่อนไหวไปไหนก็ได้ แต่โดยความรู้สึกตัว๕ณไม่สามารถแม้แต่จะขยับนิ้วมือ หมายถึงคุณจะเคลื่อนที่ไม่ได้โดยสิ้นเชิง โลกตะวันตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก เพราะทางตะวันตกเท่านั้นที่คุณจะพบเชื้อโรคที่น่ากลัวที่เรียกว่าการเหยียดผิว คนที่คลั่งการถือสีผิวทั้งหมดจะเป็นพวกแรกที่เป็นอัมพาตอย่างเต็มรูปแบบ
(คำสอน ตอนค่ำก่อนดิวาลี1985)
โรคโปลิโอ
(คำอธิบายคนที่อยู่ฝั่งซ้ายและปัญหาของพวกเขา) “ มะเร็งและโรคกล้ามเนื้อmuscular discrepancies และอ่อนแอ ซึ่งกล้ามเนื้อค่อยๆ อ่อนแรงไปจนหมด และอาการอักเสบของไขกระดูก ไขสันหลังอักเสบโปลิโอ สิ่งต่างๆ ที่เฉื่อยชาเหล่านี้ทั้งหมด…”
(Sickness and its Cure นิวเดลี 9/2/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่25)
เกลือ
“ เป็นความคิดที่น่าขันมาก ที่จะไม่ให้กินเกลือ ทุกคนเป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือ รู้ไหมว่า ปราศจากเกลือคุณจะไม่สามารถหายใจ ถามหมอคนไหนก็ได้ ถ้าไม่มีโซเดียมคลอไรด์ในเลือดของคุณ การหายใจของคุณจะลดต่ำลง สิ่งเหล่านี้เป็นหลักสำคัญสำหรับชีวิตแต่ทุกอย่างไม่มากเกินไป เกลือมีความจำเป็นในอาหาร แม่หมายความว่าความคิดที่น่าขันเหล่านี้เกิดขึ้นมา...เกลือสำคัญมากสำหรับฟัน สำหรับทุกอย่าง ”
(คำสอนให้แก่แม่และเด็ก1983)
โรคผิวหนัง
“ ผู้คนแบบนั้นทั้งหมด (คนที่อยู่ฝั่งขวา)มีอวัยวะที่ถูกกระตุ้นมากเกินไป เนื่องจากอวัยวะต่างๆ ที่ถูกเร่งทำให้เกิดผลเสียแก่หัวใจ ซึ่งถูกกระตุ้นในการสูบฉีดโลหิตอย่างเร็ว เกิดการเต้นของหัวใจเร็วผิดปกติ ในปอด เกิดโรคหอบหืด ในลำไส้เกิดโรคท้องผูก ตับผิดปกติอย่างรุนแรงและผิวหนังจะเสื่อมสุขภาพอย่างมาก ผิวจะเหลืองซีด และคนแบบนั้นจะชอบทะเลาะวิวาทมากๆ รวมทั้งก้าวร้าว”
(Sickness and its Cure นิวเดลี 9/2/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่25)
ไขสันหลังอักเสบ
“โรคไขสันหลังอักเสบเกิดจากวิศุทธิฝั่งซ้าย และวิศุทธิฝั่งขวาก็เป็นได้ด้วย แต่ส่วนมากจะมาจากวิศุทธิฝั่งซ้ายที่ทำให้เป็นโรคไขสันหลังอักเสบ อาจเป็นได้ว่าทั้งสองด้านรวมกัน
(Rahuri Q&A 13/4/86)
ความเครียดที่ทำให้จิตแปรปรวน
“ ปัญหาตามปกติคือความเครียด ทำไมจึงมีความเครียด ซึ่งคุณควรจะรู้ไว้ อิฑาและปิงคละคือทางเดินของพลังสองด้านและพลังทั้งสองเดินทางไปไขว้กันที่ระหว่างคิ้ว ปิงคละนาฑี(ซิมพาเธติคขวา)สร้างลูกโป่งของอีโก้ อิฑานาฑี(ซิมพาเธติคซ้าย)สร้างลูกโป่งของซุปเปอร์อีโก้(เงื่อนไข)เมื่อคุณไปฝั่งขวามากเกินไป อีโก้จะเคลื่อนย้ายไปครอบคลุมฝั่งซ้าย ทำให้เกิดการอุดตันขึ้น ปัญหาใดก็ตามที่คุณมีจะไม่สามารถผ่านร่างกายคุณออกไปได้ ดังนั้น คุณก็จะอ่อนแอลงไปอ่อนแอลงไป นั่นคือสาเหตุที่คุณเกิดความเครียด”
(การบรรยายสำหรับแพทย์ที่นิวเดลี 6 เมษายน2540 Transcript in New Delhi Medicos 13(4-5):32-34)
อ่านประกอบ:
[see also Chug, D., et al. (1989) ‘ New insights into the aetiopathogenesis of essential hypertension and role of Sahaja Yoga in its treatment and prevention’ Proceedings of the XIIth International Union of Physiological Sciences Conference, Kupio, Finland, 3rd March 1989
Rai, U.C., et al (1988) ‘Some effects of Sahaja Yoga and its role in the prevention of stress disorders’ Journal of the International Medical Sciences Academy 2(1):19-23. Reprinted in Stress management through Sahaja Yoga. 2nd ed (1995):23-30; also in New Delhi Medicos (1997) 13(4-5):35-38]
น้ำตาล - อ่านที่โรคเบาหวาน
ภาวะของอาการบวม
“อีกปัญหาหนึ่ง (ผู้ที่อยู่ในช่องพลังกลาง) ที่อาจเกิดขึ้นถ้าพวกเขารับไวเบรชั่นไว้มากเกินไป พวกเขาอาจจะมีการบวมตามร่างกาย ในสถานการณ์นี้ ก่อนอื่นพวกเขาควรค้นหาดูว่าพวกเขาอยู่ในที่ที่มีเพื่อนบ้านบางคนเป็นพวกต่อต้านสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ เพราะการบวมแบบนั้นจะเกิดขึ้นมาเมื่อพลังไวเบรชั่นกำลังต่อสู้กับกิจกรรมที่ต่อต้านสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของคนที่อยู่กับคุณ เช่น ภรรยามีพลังไม่ดี คนๆ นั้นอาจจะมีอาการบวมเกิดขึ้นเพราะไวเบรชั่นของเขาต่อสู้กับหญิงผู้เป็นภรรยา เขาไม่ควรเอาใจใส่กับการต่อสู้ แต่เขาต้องรู้วิธีแก้ไขภรรยา เขาต้องรู้วิธีทำให้เธอถูกต้อง หรือถ้าฝ่ายชายเป็นเช่นนั้น ภรรยาอาจจะเกิดการต่อต้านพลังร้ายภายในตัวเธอซึ่งทำให้เธอมีภาวะอาการบวม การบวมประเภทที่แตกต่างออกไปอาจเกิดขึ้นโดยการพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงสุดของพลังไวเบรชั่น
(Sickness and its Cure นิวเดลี 9/2/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่25)
“บริเวณหน้าผากทั้งหมด ถ้าเต็มไปด้วยการบวมแล้วเราต้องรู้ว่าจักรกัลกีหลุดจากระเบียบ ถ้าจักรนี้ออกจากความเป็นระเบียบแล้วบุคคลจะเกี่ยวข้องเข้าไปในภัยพิบัติอย่างเลวร้าย เป็นสัญลักษณ์บนตัวบุคคลเมื่อเขากำลังจะได้รับสิ่งนั้น เมื่อจักรกัลกีอุดตัน นิ้วทุกๆ นิ้วของคุณจะร้อนราวกับถูกเผาไหม้ บนฝ่ามือและในเวลาเดียวกันในร่างกายคุณจะร้อนอย่างน่ากลัว จักรกัลกีของบุคคลอุดตันหมายถึงว่าเขาจะตกต่ำด้วยโรคร้าย เช่น มะเร็ง อาจจะเป็นโรคเรื้อนหรืออาจจะกำลังเข้าสู่ความล้มเหลวในวิบัติภัย
(คำสอนไม่ทราบวันที่ ศรีกัลกี นิรมลาโยคะ เล่มที่12, 1982)
“เมื่ออีโก้(อัตตา)ของคุณเกิดมีขึ้น อีโก้ที่ใหญ่โตมากๆ คุณจะพบก้อนขนาดใหญ่ออกมาจากด้านซ้าย ก้อนใหญ่มาก ตรงนี้ หรือคุณมีซุปเปอร์อีโก้(เงื่อนไข)คุณก็จะพบสิ่งที่เป็นก้อนงอกจากสมองบนด้านขวา ดังนั้น บนทั้งสองด้านคุณอาจจะได้รับทั้งสองอย่าง ถ้าระบบประสาทซิมพาเธติคทั้งสองถูกกระตุ้นมากเกินไป ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่เข้ากลุ่มอย่างมาก คุณอาจจะมีก้อนตรงนี้ ดังนั้น คุณอาจจะถูกทุกสิ่งบรรจุเข้าไปด้วยอีโก้ ซุปเปอร์อีโก้ของคุณ และศูนย์กลางของวิราฏะนี้ก็จะเป่าลมเพิ่มเข้าไปอีกในทางที่บางครั้งทำให้บุคคลหน้าบวมราวกับตัวประหลาด
(เอกทศฤทธิ บูชา 17/9/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่ 21)
“เอกทศฤทธิแสดงตนอยู่บนหน้าผากของคุณและคุณจะมีอาการบวมบริเวณนี้...คนไข้มะเร็งส่วนใหญ่ ถ้าคุณเห็นพวกเขา พวกเขามี จากฝั่งซ้ายขึ้นไปที่ฝั่งขวาอย่างมากมาย หรือมีก้อนบวมทางด้านขวา” (เอกทศฤทธิ บูชา ออสเตรีย 8 /6/88 )
“ เมื่อจักราหนึ่งถูกทำให้อุดตัน คุณจะพบว่ามีสิ่งที่เป็นก้อนบวมออกมาในด้านขวา ดังนั้น คุณต้องอ่านชื่อของ มหาวีระ เพื่อขจัดความกดดันจากฝั่งซ้าย ”
( มหาวีระบูชา เพิร์ธ ออสเตรเลีย 28/3/91)
เสียงดังในหู
[alternative hand over opposite ear, with the other hand towards the outside, changing after a period – reply to Melbourne yogi, 1995]
ทอนซิล
“และมีอีกอย่างหนึ่งซึ่งบางทีพวกคุณไม่รู้ เราใช้นิ้วโป้ง นิ้วหัวแม่มือที่สะอาดมาก เราใช้ยาฆ่าเชื้อโรคทาด้วยวิธีนี้และกดลงบนทอนซิลทั้งสองข้างและข้างบนด้วย ด้วยเหตุนั้น แม่ไม่เคยมีทอนซิลอักเสบเลย แม่ไม่เคยป่วยเพราะทอนซิล ทอนซิลจะไม่สามารถโตหลังจากที่ทำดังนั้น เพียงแต่ทอนซิลไม่สามารถโตได้และเหนือขึ้นไปเป็นส่วนที่เรียกว่า”อูวูล่า”ก็ไม่โต (หรืออักเสบ)ด้วย ดังนั้น ไม่มีปัญหานั้น เป็นสิ่งที่ธรรมดามากที่ใช้กับเด็กๆ” (คำสอน แม่และเด็ก 1983)
วัณโรค
“ถ้าปอดของคุณเฉื่อย คุณก็จะได้รับเชื้อโรค เช่น ทีบี วัณโรค วัณโรคมาจากฝั่งซ้าย”
(Sickness and its Cure นิวเดลี 9/2/83 นิรมลาโยคะ เล่มที่25)
เส้นเลือดขอด
“เส้นเลือดขอดเกิดจากการยืนมากเกินไปตลอดเวลาและทำงานหนักมาก เมื่อใดที่เริ่มเป็น รักษาเลยดีกว่า คุณต้องนอนราบทุกวัน คนที่ยืนทุกวันเป็นเวลากว่าสามหรือสี่ชั่วโมงควรนอนราบบนเตียงและยกขาทำท่าเหมือนถีบจักรยานซึ่งจะช่วยได้ อาจจะลดน้ำหนักตัวลง เพราะสาเหตุมาจากน้ำหนักตัวด้วย บางคนน้ำหนักมาก แต่คนที่ยืน แม่เคยเห็นคนที่ยืนนานๆโดยไม่วางส้นเท้าราบ ถ้าคุณใช้ส้นเท้าอาจจะดีขึ้น ส้นเท้าราบกับพื้นทำให้แรงกดลงไม่มาก และน้ำหนักจึงกระจายมากกว่าไปที่ส่วนล่าง จักราทั้งห้าเหล่านั้นที่ต่ำลงไป นั่นอาจจะช่วยได้ แต่ที่ดีที่สุดคือการออกกำลังกายหลังยืนมานาน แค่นอนบนเตียงถีบจักรยานลม และนวดด้วย นวดช้าๆ ลงไป การใช้ก้อนน้ำแข็งก็ได้ผลดี วางน้ำแข็งก่อนการนวด คุณสามารถที่จะวางน้ำแข็งแล้วใช้น้ำมันเย็นจัดถูลงไปจะได้ผล”
(Rahuri Q&A 13/4/86)
เชื้อไวรัส
“ในเชื้อโรคจากฝั่งซ้าย คุณเข้าสู่จิตใต้สำนึกส่วนรวม จากที่นั่นคุณรวบรวมโปรตีน52 ไวรัสต่างๆ เหล่านี้บางครั้งทำให้ช่วยเหลือไม่ได้เลย”
(ศิวราตรี 1987)
“ในกระบวนการของวิวัฒนาการมีพืช สัตว์ จำนวนมากที่สูญพันธุ์ไปเพราะไม่อยู่ในความสมดุล...ดังนั้น สิ่งเหล่านี้ได้เข้าสู่จิตใต้สำนึกของส่วนรวมและมาในฐานะของสิ่งที่มีตัวตนที่ละเอียดขึ้นเพื่อที่จะทำร้ายผู้ที่กำลังก้าวขึ้นระดับสูง เช่น เราจะเห็นว่าสมัยนี้ไวรัสต่างๆ ที่โจมตีเรา เหล่านี้คือพืชพวกที่หลุดออกจากวงจร”
(เอกทศฤทธิ บูชา ออสเตรีย 8/6/88)
“ไวรัสมาจากฝั่งซ้าย พวกเชื้อโรคนี้คือสิ่งที่ตายไปและเข้าสู่จิตใต้สำนึกของส่วนรวม”
(คำบรรยาย Medical Conference ที่มอสโคว มิถุนายน 1990)
“ถ้าคุณเข้าใจอย่างแท้จริงในวิธีที่แม่เรียกว่าการเป็นส่วนหนึ่ง-ซึ่งเป็นโพธะ-ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบประสาทของคุณ แล้วจะไม่มีเชื้อไวรัสสามารถโจมตีคุณได้ ไม่มีสิ่งใดจะมาทำให้คุณยุ่งยากได้ และแม้ถ้าสิ่งนั้นโจมตีคุณ ก็จะมาช่วงสั้นๆ และจะหนีไป...แต่เชื้อนั้นจะไม่อยู่ในร่างกายของคุณ ไม่สามารถอยู่ได้นาน …”
(คำแนะนำในการรักษาเชื้อไวรัส ปูเณ 1/12/87)
“ถ้าบางคนมีไวรัส คุณอาจให้ยาปฏิชีวนะหรือสิ่งใดก็ตามจะช่วยไม่ได้ สหจะโยคะเท่านั้นที่จะขับไล่เชื้อออกไปได้ เพราะสหจะโยคะสามารถทำงานในช่องพลังฝั่งซ้าย (ไวรัสเป็นปัญหาของฝั่งซ้าย)”
(การบรรยายสำหรับแพทย์ที่นิวเดลี 6/4/97 Transcript in New Delhi Medicos 13(4-5):32-34)
Compiled by John Noyce, Melbourne, Australia. Version 2.2, September 2001.
This draft is only for use within Sahaja Yoga. It is inappropriate for new people.
No responsibility taken for inappropriate use of the advice contained herein.
Additions very welcome: johnnoyce@hotmail.com
Copyright of extracts: Shri Mataji Nirmala Devi and Life Eternal Trust

Given at Nirmala Neketan, Palazzo Doria, Cabella, Italy
One has to read all these books and all these instructions to put in an effort to go into meditation. All these efforts are actually to lead to the conviction that meditative state is to be achieved through effortless surrendering.
Up to the agnya center is alright when you are trying to say different mantras but you will find all the time that the Kundalini stops or is blocked at the agnya. The reason for this is that when you put effort you work through your agnya, not effortlessly.
So those who are in Bhakti they just have to become silent and effortless.So the Kundalini passes through agnya and clears out through Sahasrara. With bhakti only you can counteract your agnya. Now the situation of ascent at agnya is the most difficult. The reason is if you try to pull or push your Kundalini through agnya you are using an effort. Once you use your effort you block your agnya. So at the blockage of agnya if you just leave the Kundalini to work it out by itself, then your agnya will clear out. But in bhakti with full heart if you singing or if you are taking my name then automatically agnya opens.
But it’s a little complicated thing for people who are very much active with their agnya. For such people it would be better if they develop the state of thoughtless awareness. When they watch something they should just try to just watch it and do not allow any thought to come in. you can go on saying “Ksham, Ksham, Ksham”. These thought will stop. Try to maintain that state to your sustenance of bhakti.
So the important thing in Sahaja Yoga is after realization we must completely surrender ourselves to the enjoyment of bhakti. Those who have achieved that they get this effortless ascent through the agnya very easily. It cannot be explained as I said. There is no rule and regulation for bhakti but definitely it can be seen in other Sahaja Yogis, who are just in that state of bliss.
You can find out that there is adoration from their heart for their guru and awe. They do not say ‘no’, they do not question, they do not guide or correct their guru. They just are in an absorbing state, as if a big ocean is pouring into them the joy and the bliss.
This state is revealed in day to day behaviour towards their guru. How they behave and how they talk to their guru is very important. For example some people come very close to me, they know how to look after me, they know how to rub my feet or may be they know how to look after my food and my day to day needs but still if they do not have that protocol, if they do not have that innate idea of reverence and a deep adoration then they are not yet at that stage where they should be. And gradually such people then go on falling because they still have not yet fathomed the depth of their being which can respond to the greatness of their guru.
It is a very delicate thing for me to tell you how to behave and sometimes it upsets me and shocks me when people start taking liberties in a way that will be responsible for their fall or for their losing their stage. I find it impossible to tell them that they must learn how to speak to me and how to behave towards me.
I have seen that most of the leaders have this sense and have this capacity to absorb this ocean of love and joy. But there are so many Sahaja Yogis who are still, though they may be very close to me, are not up to the point that they should be. Sometimes they argue, sometimes they deny, sometimes they defy.
Now one may ask that this kind of surrendering may lead to your slavery. In slavery you get pain, torture and unhappiness but in this slavery you get joy, complete freedom, strength and the beauty of your own glory. So whether you call it as a slavery or anything it makes no difference to the quality of this surrendering which is very, very important if you want to discover your own glory.
Actually what to surrender is your ego, your conditioning. Some people have a habit of dominating, so when they are close to me, they start arguing with me. That behaviour has to be changed. The way you talk to each other you cannot talk in the same manner to your guru, because your guru is at a much higher position and you have to realize that if you have to reach that state of ‘turiya’ then you must put your guru above everybody else.
I never asked you to read Gurugita because it is too much to be told to Sahaja Yogis, too much to be asked from Sahaja Yogis. I feel there are so many Sahaja Yogis who are still not there at the point to understand what this surrendering means and that is the reason I just never wanted you to read Gurugita which was told by Shri Mahadeva to Parvati.
That state of surrendering is not with efforts, not with thinking, but has to come effortlessly. It’s like dissolving a drop of your personality into the ocean of love. Whatever words one may use, one has to know that this state is to be achieved. It is no use of describing any state that is not yet experienced. But by describing it at least people try to move towards it and work it out.
Now what is your freedom? Your freedom is that you do not have to bound yourself with any mental effort of rules and regulations but innately or effortlessly you should feel the protocol built in, in your being.
This is the way we can understand the complete freedom that we do not have to mentally tell ourselves, that we have to do like this, we have to do like that, but spontaneous behaviour towards your guru.
คำแนะนำของท่านศรีมาตาจีในการฝึกสมาธิ
ให้ไว้ ณ นิรมลา นิเกตัน, ปาลัซโซ โดเรีย, คาเบลล่า, อิตาลี
วันที่ 2 ตุลาคม 2534
เราต้องอ่านหนังสือและคำแนะนำเหล่านี้ทั้งหมดเพื่อให้มีการนำความพยายามมาใช้เพื่อไปสู่การเข้าสมาธิ ความพยายามทั้งหมดเหล่านี้แท้จริงแล้วเป็นการนำไปสู่ความมั่นใจที่ว่าภาวะของสมาธิจะบรรลุได้โดยผ่านการปล่อยวางที่ปราศจากความพยายามใดๆ ทั้งสิ้น
ขึ้นอยู่กับศูนย์พลังอักนียะที่สมดุลเมื่อคุณพยายามสวดมนตร์ต่างๆ แต่คุณจะพบว่ากุณฑลินีหยุดชะงักหรืออุดตันที่อักนียะ สาเหตุของการเป็นเช่นนี้คือขณะที่คุณใช้ความพยายาม คุณได้ทำงานผ่านอักนียะของคุณ ไม่ใช่โดยปราศจากความพยายาม
ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในความภักดีเพียงแต่ต้องเงียบสงบและปราศจากความพยายาม เพื่อให้กุณฑลินีผ่านอักนียะและผ่านไปตลอดถึงสหัสราระ โดยภักดีเท่านั้นที่คุณสามารถเอาชนะอักนียะของคุณได้ ตอนนี้สถานะของการก้าวขึ้นที่อักนียะเป็นความยากลำบากที่สุด เหตุผลคือถ้าคุณพยายามดึงหรือผลักดันกุณฑลินีให้ผ่านอักนียะนั่นคือคุณกำลังใช้ความพยายาม เมื่อใดที่คุณใช้ความพยายามเท่ากับว่าคุณขัดขวางอักนียะของคุณ ดังนั้นที่การอุดตันของอักนียะ ถ้าคุณเพียงแค่ปล่อยให้กุณฑลินีทำงานไปเองแล้วอักนียะของคุณก็จะปลอดโปร่ง แต่ในความภักดีอย่างเต็มหัวใจ หากคุณร้องเพลงหรือเรียกชื่อของแม่ อักนียะจะเปิดโดยอัตโนมัติ แต่เป็นสิ่งที่สับสนเล็กน้อยสำหรับพวกที่อักนียะของพวกเขาทำงานอย่างรวดเร็ว สำหรับผู้คนประเภทนั้นจะเป็นการดีกว่าถ้าพวกเขาพัฒนาภาวะของความมีสติโดยปราศจากการคิด เมื่อพวกเขาจ้องมองสิ่งใดสิ่งหนึ่ง พวกเขาควรจะพยายามมองดูเฉยๆ และไม่ปล่อยให้มีความคิดใดๆ เข้ามาแทรก คุณสามารถที่จะท่องคำว่า’กษมา กษมา กษมา’ความคิดทั้งหลายจะยุติลง พยายามรักษาภาวะจิตว่างนั้น ซึ่งเป็นเครื่องสนับสนุนความภักดีของคุณ
ดังนั้น สิ่งที่สำคัญในสหจะโยคะคือหลังจากการตระหนักรู้ เราต้องอุทิศตนโดยสิ้นเชิงต่อความสุขแห่งภักดี ผู้ใดที่บรรลุเช่นนั้นจะก้าวหน้าขึ้นไปโดยปราศจากความพยายาม ผ่านอักนียะได้อย่างง่ายดาย ภาวะนั้นไม่สามารถอธิบายได้ ตามที่แม่พูด ไม่มีกฎเกณฑ์และข้อบังคับสำหรับความภักดี แต่แน่นอนที่จะสามารถเห็นได้ในสหจะโยคีคนอื่นๆ ผู้ซึ่งอยู่ในภาวะของปีติสุขนั้น คุณสามารถพบได้ว่ามีความเคารพบูชาจากหัวใจของพวกเขาให้แก่คุรุของพวกเขารวมทั้งความเกรงขาม พวกเขาไม่พูดคำว่า‘ไม่’ พวกเขาไม่ตั้งคำถาม พวกเขาไม่แนะนำหรือตรวจแก้คุรุของพวกเขา พวกเขาเพียงแต่อยู่ในภาวะของการซึมซับ ราวกับว่ามหาสมุทรใหญ่กำลังเทความสุขและความปีติลงมาให้พวกเขา
ภาวะนี้ถูกแสดงออกในการประพฤติปฏิบัติต่อคุรุของพวกเขาวันต่อวัน วิธีที่พวกเขาปฏิบัติและวิธีพูดกับคุรุสำคัญมาก ตัวอย่างเช่น บางคนมาอยู่ใกล้ๆ แม่ พวกเขารู้ว่าจะดูแลแม่อย่างไร รู้ว่าจะถูนวดเท้าให้แม่อย่างไร หรืออาจจะรู้ไปถึงการดูแลอาหารและความจำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าพวกเขายังไม่มีมารยาทนั้น ถ้าพวกเขาไม่มีความเห็นชอบที่เกิดขึ้นภายในเกี่ยวกับความนับถือและการบูชาอย่างลึกซึ้งแล้ว พวกเขาก็ยังไม่อยู่ที่ภาวะนั้น ซึ่งพวกเขาควรจะเป็น และแล้วผู้คนเหล่านั้นจะค่อยๆ ตกไป เพราะพวกเขายังไม่หยั่งถึงความลึกของตัวตนของพวกเขาซึ่งสามารถตอบสนองต่อความยิ่งใหญ่ของคุรุของพวกเขา
เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมากสำหรับแม่ที่จะบอกคุณว่าควรประพฤติอย่างไร และบางทีแม่ก็ไม่สบายใจและตกใจเมื่อมีคนที่ตั้งต้นฉวยโอกาสในทางที่จะเป็นสาเหตุให้พวกเขาตกต่ำหรือสูญเสียสภาวะของพวกเขาไป แม่พบว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกพวกเขาว่าพวกเขาจะต้องเรียนรู้ถึงวิธีการพูดกับแม่และการปฏิบัติตนต่อแม่
แม่เคยเห็นว่าผู้ที่แม่ตั้งให้เป็นผู้นำกลุ่มส่วนใหญ่มีจิตสำนึกและมีความสามารถนี้ที่จะซึมซับมหาสมุทรแห่งความรักและความสุข แต่สหจะโยคีอีกมากที่ยังคงไม่ถึงระดับที่ควรเป็นแม้ว่าพวกเขาอาจจะอยู่ใกล้แม่มาก บางครั้งพวกเขาโต้แย้ง บางครั้งปฏิเสธ บางครั้งก็ต่อต้าน
ตอนนี้บางคนอาจจะถามว่าการอุทิศตนชนิดนี้อาจนำคุณไปสู่การตกเป็นทาส ในความเป็นทาสคุณจะได้รับความเจ็บปวด ทรมานและไร้สุข แต่ในการเป็นทาสแบบนี้คุณได้รับความสุข อิสรภาพที่สมบูรณ์ ความเข้มแข็งและความงามของรัศมีของคุณ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะขนานนามว่าการเป็นทาสหรืออื่นใดก็ไม่ทำให้แตกต่างกันต่อคุณสมบัติของการอุทิศตนนี้ ซึ่งสำคัญอย่างมากถ้าคุณต้องการที่จะค้นพบความล้ำเลิศของคุณเอง
ความจริง สิ่งที่อุทิศก็คืออีโก้ของคุณ เงื่อนไขของคุณ บางคนมีนิสัยชอบบังคับบัญชา ดังนั้น เมื่อพวกเขามาอยู่ใกล้แม่พวกเขาเริ่มโต้แย้งแม่ พฤติกรรมอย่างนั้นต้องเปลี่ยนแปลง วิธีที่คุณพูดจากันคุณไม่อาจจะพูดในกิริยาเดียวกันนั้นกับคุรุของคุณ เพราะคุรุของคุณอยู่ที่ตำแหน่งสูงกว่ามาก และคุณต้องตระหนักว่า ถ้าคุณต้องบรรลุภาวะของ
‘ ทุริยา’ (turiya) แล้ว คุณต้องวางคุรุของคุณไว้เหนือผู้อื่นทุกคน
แม่ไม่เคยขอให้คุณอ่านคุรุคีตา เพราะว่าเป็นสิ่งที่มากเกินไปที่จะบอกแก่สหจะโยคี มากเกินไปที่จะขอร้องจากสหจะโยคี แม่รู้สึกว่ามีสหจะโยคีจำนวนมากที่ยังไม่อยู่ในจุดที่จะเข้าใจว่าการอุทิศตนหมายถึงอะไร และนั่นเป็นเหตุผลที่แม่ไม่เคยต้องการให้คุณอ่านคุรุคีตา ซึ่งศรีมหาเทวาบอกแก่ปารวตี
ภาวะของการอุทิศตนนั้นไม่ใช่ด้วยความพยายาม ไม่ใช่ด้วยความคิด แต่ต้องมาถึงอย่างไม่มีความพยายาม เช่นเดียวกับการหลอมรวมบุคลิกภาพส่วนที่เป็นตัวคุณเข้ากับมหาสมุทรแห่งความรัก ไม่ว่าเราจะใช้คำว่าอะไร เราต้องรู้ว่าภาวะนี้ควรแก่การบรรลุ ไม่มีประโยชน์ที่จะอธิบายภาวะใดก็ตามที่ยังไม่มีประสบการณ์ แต่โดยการอธิบายถึงภาวะนั้นอย่างน้อยที่สุดผู้คนก็จะลองปฏิบัติให้ได้มาและต้องการผลสำเร็จ
ตอนนี้อะไรคืออิสรภาพของคุณ อิสรภาพของคุณอยู่ที่ว่าคุณไม่ต้องมุ่งหน้าพาตัวเองไปด้วยความพยายามทางความคิดใดๆ ในเรื่องของกฎเกณฑ์และระเบียบต่างๆ แต่คุณควรรู้สึกถึงกติกามารยาทที่อยู่ภายในตัวตนอย่างเกิดขึ้นเองภายในหรือโดยปราศจากความพยายาม
นี่คือหนทางที่เราสามารถเข้าใจถึงอิสรภาพอันสมบูรณ์ที่เราไม่ต้องบอกตัวเองทางความคิด ว่าเราต้องทำแบบนี้ เราต้องทำแบบนั้น แต่ประพฤติปฏิบัติอย่างธรรมชาติต่อคุรุของคุณ
ให้ไว้ ณ นิรมลา นิเกตัน, ปาลัซโซ โดเรีย, คาเบลล่า, อิตาลี
วันที่ 2 ตุลาคม 2534
เราต้องอ่านหนังสือและคำแนะนำเหล่านี้ทั้งหมดเพื่อให้มีการนำความพยายามมาใช้เพื่อไปสู่การเข้าสมาธิ ความพยายามทั้งหมดเหล่านี้แท้จริงแล้วเป็นการนำไปสู่ความมั่นใจที่ว่าภาวะของสมาธิจะบรรลุได้โดยผ่านการปล่อยวางที่ปราศจากความพยายามใดๆ ทั้งสิ้น
ขึ้นอยู่กับศูนย์พลังอักนียะที่สมดุลเมื่อคุณพยายามสวดมนตร์ต่างๆ แต่คุณจะพบว่ากุณฑลินีหยุดชะงักหรืออุดตันที่อักนียะ สาเหตุของการเป็นเช่นนี้คือขณะที่คุณใช้ความพยายาม คุณได้ทำงานผ่านอักนียะของคุณ ไม่ใช่โดยปราศจากความพยายาม
ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในความภักดีเพียงแต่ต้องเงียบสงบและปราศจากความพยายาม เพื่อให้กุณฑลินีผ่านอักนียะและผ่านไปตลอดถึงสหัสราระ โดยภักดีเท่านั้นที่คุณสามารถเอาชนะอักนียะของคุณได้ ตอนนี้สถานะของการก้าวขึ้นที่อักนียะเป็นความยากลำบากที่สุด เหตุผลคือถ้าคุณพยายามดึงหรือผลักดันกุณฑลินีให้ผ่านอักนียะนั่นคือคุณกำลังใช้ความพยายาม เมื่อใดที่คุณใช้ความพยายามเท่ากับว่าคุณขัดขวางอักนียะของคุณ ดังนั้นที่การอุดตันของอักนียะ ถ้าคุณเพียงแค่ปล่อยให้กุณฑลินีทำงานไปเองแล้วอักนียะของคุณก็จะปลอดโปร่ง แต่ในความภักดีอย่างเต็มหัวใจ หากคุณร้องเพลงหรือเรียกชื่อของแม่ อักนียะจะเปิดโดยอัตโนมัติ แต่เป็นสิ่งที่สับสนเล็กน้อยสำหรับพวกที่อักนียะของพวกเขาทำงานอย่างรวดเร็ว สำหรับผู้คนประเภทนั้นจะเป็นการดีกว่าถ้าพวกเขาพัฒนาภาวะของความมีสติโดยปราศจากการคิด เมื่อพวกเขาจ้องมองสิ่งใดสิ่งหนึ่ง พวกเขาควรจะพยายามมองดูเฉยๆ และไม่ปล่อยให้มีความคิดใดๆ เข้ามาแทรก คุณสามารถที่จะท่องคำว่า’กษมา กษมา กษมา’ความคิดทั้งหลายจะยุติลง พยายามรักษาภาวะจิตว่างนั้น ซึ่งเป็นเครื่องสนับสนุนความภักดีของคุณ
ดังนั้น สิ่งที่สำคัญในสหจะโยคะคือหลังจากการตระหนักรู้ เราต้องอุทิศตนโดยสิ้นเชิงต่อความสุขแห่งภักดี ผู้ใดที่บรรลุเช่นนั้นจะก้าวหน้าขึ้นไปโดยปราศจากความพยายาม ผ่านอักนียะได้อย่างง่ายดาย ภาวะนั้นไม่สามารถอธิบายได้ ตามที่แม่พูด ไม่มีกฎเกณฑ์และข้อบังคับสำหรับความภักดี แต่แน่นอนที่จะสามารถเห็นได้ในสหจะโยคีคนอื่นๆ ผู้ซึ่งอยู่ในภาวะของปีติสุขนั้น คุณสามารถพบได้ว่ามีความเคารพบูชาจากหัวใจของพวกเขาให้แก่คุรุของพวกเขารวมทั้งความเกรงขาม พวกเขาไม่พูดคำว่า‘ไม่’ พวกเขาไม่ตั้งคำถาม พวกเขาไม่แนะนำหรือตรวจแก้คุรุของพวกเขา พวกเขาเพียงแต่อยู่ในภาวะของการซึมซับ ราวกับว่ามหาสมุทรใหญ่กำลังเทความสุขและความปีติลงมาให้พวกเขา
ภาวะนี้ถูกแสดงออกในการประพฤติปฏิบัติต่อคุรุของพวกเขาวันต่อวัน วิธีที่พวกเขาปฏิบัติและวิธีพูดกับคุรุสำคัญมาก ตัวอย่างเช่น บางคนมาอยู่ใกล้ๆ แม่ พวกเขารู้ว่าจะดูแลแม่อย่างไร รู้ว่าจะถูนวดเท้าให้แม่อย่างไร หรืออาจจะรู้ไปถึงการดูแลอาหารและความจำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าพวกเขายังไม่มีมารยาทนั้น ถ้าพวกเขาไม่มีความเห็นชอบที่เกิดขึ้นภายในเกี่ยวกับความนับถือและการบูชาอย่างลึกซึ้งแล้ว พวกเขาก็ยังไม่อยู่ที่ภาวะนั้น ซึ่งพวกเขาควรจะเป็น และแล้วผู้คนเหล่านั้นจะค่อยๆ ตกไป เพราะพวกเขายังไม่หยั่งถึงความลึกของตัวตนของพวกเขาซึ่งสามารถตอบสนองต่อความยิ่งใหญ่ของคุรุของพวกเขา
เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมากสำหรับแม่ที่จะบอกคุณว่าควรประพฤติอย่างไร และบางทีแม่ก็ไม่สบายใจและตกใจเมื่อมีคนที่ตั้งต้นฉวยโอกาสในทางที่จะเป็นสาเหตุให้พวกเขาตกต่ำหรือสูญเสียสภาวะของพวกเขาไป แม่พบว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกพวกเขาว่าพวกเขาจะต้องเรียนรู้ถึงวิธีการพูดกับแม่และการปฏิบัติตนต่อแม่
แม่เคยเห็นว่าผู้ที่แม่ตั้งให้เป็นผู้นำกลุ่มส่วนใหญ่มีจิตสำนึกและมีความสามารถนี้ที่จะซึมซับมหาสมุทรแห่งความรักและความสุข แต่สหจะโยคีอีกมากที่ยังคงไม่ถึงระดับที่ควรเป็นแม้ว่าพวกเขาอาจจะอยู่ใกล้แม่มาก บางครั้งพวกเขาโต้แย้ง บางครั้งปฏิเสธ บางครั้งก็ต่อต้าน
ตอนนี้บางคนอาจจะถามว่าการอุทิศตนชนิดนี้อาจนำคุณไปสู่การตกเป็นทาส ในความเป็นทาสคุณจะได้รับความเจ็บปวด ทรมานและไร้สุข แต่ในการเป็นทาสแบบนี้คุณได้รับความสุข อิสรภาพที่สมบูรณ์ ความเข้มแข็งและความงามของรัศมีของคุณ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะขนานนามว่าการเป็นทาสหรืออื่นใดก็ไม่ทำให้แตกต่างกันต่อคุณสมบัติของการอุทิศตนนี้ ซึ่งสำคัญอย่างมากถ้าคุณต้องการที่จะค้นพบความล้ำเลิศของคุณเอง
ความจริง สิ่งที่อุทิศก็คืออีโก้ของคุณ เงื่อนไขของคุณ บางคนมีนิสัยชอบบังคับบัญชา ดังนั้น เมื่อพวกเขามาอยู่ใกล้แม่พวกเขาเริ่มโต้แย้งแม่ พฤติกรรมอย่างนั้นต้องเปลี่ยนแปลง วิธีที่คุณพูดจากันคุณไม่อาจจะพูดในกิริยาเดียวกันนั้นกับคุรุของคุณ เพราะคุรุของคุณอยู่ที่ตำแหน่งสูงกว่ามาก และคุณต้องตระหนักว่า ถ้าคุณต้องบรรลุภาวะของ
‘ ทุริยา’ (turiya) แล้ว คุณต้องวางคุรุของคุณไว้เหนือผู้อื่นทุกคน
แม่ไม่เคยขอให้คุณอ่านคุรุคีตา เพราะว่าเป็นสิ่งที่มากเกินไปที่จะบอกแก่สหจะโยคี มากเกินไปที่จะขอร้องจากสหจะโยคี แม่รู้สึกว่ามีสหจะโยคีจำนวนมากที่ยังไม่อยู่ในจุดที่จะเข้าใจว่าการอุทิศตนหมายถึงอะไร และนั่นเป็นเหตุผลที่แม่ไม่เคยต้องการให้คุณอ่านคุรุคีตา ซึ่งศรีมหาเทวาบอกแก่ปารวตี
ภาวะของการอุทิศตนนั้นไม่ใช่ด้วยความพยายาม ไม่ใช่ด้วยความคิด แต่ต้องมาถึงอย่างไม่มีความพยายาม เช่นเดียวกับการหลอมรวมบุคลิกภาพส่วนที่เป็นตัวคุณเข้ากับมหาสมุทรแห่งความรัก ไม่ว่าเราจะใช้คำว่าอะไร เราต้องรู้ว่าภาวะนี้ควรแก่การบรรลุ ไม่มีประโยชน์ที่จะอธิบายภาวะใดก็ตามที่ยังไม่มีประสบการณ์ แต่โดยการอธิบายถึงภาวะนั้นอย่างน้อยที่สุดผู้คนก็จะลองปฏิบัติให้ได้มาและต้องการผลสำเร็จ
ตอนนี้อะไรคืออิสรภาพของคุณ อิสรภาพของคุณอยู่ที่ว่าคุณไม่ต้องมุ่งหน้าพาตัวเองไปด้วยความพยายามทางความคิดใดๆ ในเรื่องของกฎเกณฑ์และระเบียบต่างๆ แต่คุณควรรู้สึกถึงกติกามารยาทที่อยู่ภายในตัวตนอย่างเกิดขึ้นเองภายในหรือโดยปราศจากความพยายาม
นี่คือหนทางที่เราสามารถเข้าใจถึงอิสรภาพอันสมบูรณ์ที่เราไม่ต้องบอกตัวเองทางความคิด ว่าเราต้องทำแบบนี้ เราต้องทำแบบนั้น แต่ประพฤติปฏิบัติอย่างธรรมชาติต่อคุรุของคุณ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)